พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ กมธ.ป.ป.ช. กล่าวว่า จากกรณีที่ปรากฎเป็นข่าวว่ามีบุคคลกลุ่มหนึ่งที่ใกล้ชิดกับรัฐมนตรีในรัฐบาล ร่วมกระบวนการกักตุนหน้ากากอนามัยเพื่อนำไปจำหน่ายในราคาแพง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ประชาชนคนไทยกำลังขาดหน้ากากไว้ใส่ป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัส เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบ โดยเห็นว่า ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำที่จะต้องแสดงความรับผิดชอบเช่นเดียวกัน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ ไม่สามารถบริหารจัดการเรื่องหน้ากากอนามัยให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนได้ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เช่นกลุ่มแพทย์ พยาบาล บุคลากรด้านสาธารณะสุข หรือ กลุ่มคนที่ทำงานให้บริการด้านสาธารณะ และจากการที่ได้ติดตามข้อมูลในเบื้องต้น พบว่ามีความพยายามเบี่ยงเบนประเด็น ว่าเป็นการกระทำความผิดเพียง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่ยังไม่มีการตรวจสอบลงลึกไปถึงกระบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย ที่เชื่อมโยงไปถึงคนที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน โดยเฉพาะบุคคลใกล้ชิดกับรัฐมนตรีในรัฐบาล
“ดูเหมือนว่าอาจจะมีการพยายามช่วยเหลือปกปิดข้อเท็จจริงในบางเรื่องหรือไม่ เช่นการที่ตำรวจช่วยอุ้มผู้ต้องสงสัยหลบนักข่าว โดยอ้างว่าไปเข้าห้องน้ำ ทั้งที่บนโรงพักก็มีห้องน้ำ หรือตำรวจกำลังปล่อยให้มีการเคลื่อนย้ายหรือทำลายหลักฐานการกักตุนสินค้าอยู่หรือไม่ ที่สำคัญ ทำไมถึงไม่ตรวจสอบบัญชีธนาคารเพราะจะเห็นเส้นทางการเงินที่ชัดเจน” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า การจะลักลอบเอาหน้ากากออกมาจากหน่วยงานรัฐได้ จะต้องมีบุคคลหลายฝ่ายเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้อนุมัติและผู้จัดส่งสินค้า ซึ่งเรื่องเหล่านี้ตรวจสอบได้ไม่ยาก แม้ดูเหมือนว่าจะมีความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นและทำลายพยานหลักฐานตาม
“ทั้งหมดนี้ จึงเป็นประเด็นที่ทางคณะ กมธ.ป.ป.ช.จะเข้าไปตรวจสอบ เพื่อให้ได้คำตอบว่า หน้ากากอนามัยหายไปไหน ใครเกี่ยวข้องกับการกักตุนและนี่ไม่ถือว่าเป็นการกักตุนสินค้าธรรมดา แต่มันคือการกักตุนสินค้า ซึ่งเป็นเครื่องมือป้องกันชีวิตคนไทยจากเชื้อไวรัส ท่านนายกฯ จะทำเป็นเรื่องล้อเล่น ปล่อยให้คนกักตุนลอยนวลไปเฉย ๆ ไม่ได้” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว