ไม่พบผลการค้นหา
'สยาม' จี้ 'อนุพงษ์' แจงเหตุนายทุนสีเทาได้สัญชาติไทยง่ายเกินไป อัด 'ประยุทธ์' ไม่ปกป้องผู้ประกอบการไทยปล่อยทุนจีนกินรวบเศรษฐกิจไทย

สยาม หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือกมธ.ดีอีเอส เปิดเผยว่าจากกรณีที่รัฐบาลปล่อยปละละเลยให้กลุ่มทุนจีนสีเทา เข้ามาทำธุรกิจทั้ง ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายในประเทศไทยได้อย่างเสรี ซึ่งในสายตาชาวโลก ไทยกำลังเป็นแหล่งฟอกเงินรายใหญ่ให้กับกลุ่มธุรกิจสีเทา ทำให้ทั่วโลก จับตามองไทยอย่างเข้มงวด

นอกจากนี้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน.ล้มเหลวในการทำหน้าที่ เพราะ 8 ปีที่ผ่านมา ปล่อยปละละเลยในการตรวจสอบการทำธุรกิจของกลุ่มนอกกฎหมาย ทั้งบ่อนการพนัน บ่อนออนไลน์ ที่สร้างหายนะให้กับเศรษฐกิจประเทศต่อปีหลายแสนล้าน แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ กลับปล่อยให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้ามาสร้างอิทธิพลสร้างบารมีในประเทศไทยขยายวงกว้างมากขึ้น 

สยาม กล่าวด้วยว่ากลุ่มธุรกิจสีเทามีการฟอกเงินผ่านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ทั้งบ้านจัดสรรค์ คอนโด สนามกอล์ฟ บริษัททัวร์ โรงแรม และมหาวิทยาลัย ล่าสุดร้านอาหารทั่วประเทศ โดยเฉพาะย่านเยาวราช หลายแห่งถูกทุนจีนไล่ซื้อไปหมดแล้ว พลเอกประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าทีม เศรษฐกิจ ไม่เคยออกปกป้องผู้ประกอบการไทย ปล่อยให้ถูกกลุ่มทุนใหญ่รุกคืบเข้ามายึดเศรษฐกิจไทยโดยที่เจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจ 

“น่าประหลาดใจที่กลุ่มมาเฟียจีนทำธุรกิจสีเทากลายเป็นกลุ่มได้รับสัญชาติไทยได้อย่างไร กรณีนายตู้ห่าว เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดว่ากลุ่มมาเฟียจีนสามารถขอสัญชาติไทยได้โดยง่าย ทั้งนี้เชื่อว่ายังมีคนอย่างนายตู้ห่าว อีกหลายพันคนที่ได้สัญชาติไทยด้วยวิธีพิเศษ ดังนั้นพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต้องตรวจสอบย้อนหลังการให้สัญชาติว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ หากไม่มีเจ้าหน้ารัฐช่วยเหลือ จะสามารถได้สัญชาติง่ายได้อย่างไร นอกจากนี้คณะกรรมาธิการ เตรียมเชิญนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตส.ส.เข้ามาให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการ ถึงกลุ่มทุนจีนสีเทาที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย ว่ามีอะไรบ้างและมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ซึ่งในการอภิปราย152 พรรคเพื่อไทยพร้อมเปิดโปงขบวนการนี้ให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบอย่างแน่นอน ” สยาม กล่าว