สยาม หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือกมธ.ดีอีเอส เปิดเผยว่า จากสภาวะเศรษฐกิจที่ล่มสลายในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19ที่ผ่านมา ส่งผลให้กลุ่มมิจฉาชีพอาศัยช่องว่างดังกล่าวปล่อยกู้เงินผ่านแฟลตฟอร์มออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มทางสื่อโซเชียลเพื่อหลอกลวงให้คนไทยไปกู้เงิน

กรณีที่เกิดกับครอบครัวคนไทยที่หลงกลโกงของแก๊งค์กู้เงินผ่านโซเชียล แต่ถูกเหลี่ยมกลโกงจากมิจฉาชีพทุกรูปแบบ ต้องจ่ายเงินก่อนได้เงินกู้เงินตามจำนวนที่ขอกู้ แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีใครได้เงินที่ขอกู้ หรือกว่าจะได้ก็ต้องโอนเงินไปเป็นเงินมัดจำ จนยอดเงินที่โอนไปให้มากกว่าจำนวนเงินที่ขอกู้ สุดท้ายผู้กู้ไร้ทางออกจนก่อเหตุฆาตกรรมคนในครอบครัว ซึ่งเป็นปัญหาทางสังคมตามมา ถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก

สยาม กล่าวด้วยว่า การกระทำผิดทางอาญากรรมทางไซเบอร์ นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งแกงค์คอลเซ็นเตอร์ แก๊งค์กู้เงินผ่านแพลตฟอร์มโซเชียล รวมไปถึงกลุ่มพนันออนไลน์ที่ทำร้ายเศรษฐกิจไทยรุนแรงต่อเนื่องมานานหลายปี ทำความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยไม่ต่ำกว่า 2-300,000 ล้านบาทต่อปี ถือเป็นหายนะเศรษฐกิจไทยและสังคมไทยอย่างร้ายแรง

“ในการดำเนินการแก้ปัญหานั้นอยากให้รัฐบาลไทยเอาจริงเอาจังเช่นเดียวกับรัฐบาลจีนที่จัดการกับกลุ่มมิจฉาชีพชาวจีนที่ตั้งกลุ่มที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทย ซึ่งทางรัฐบาลจีนจัดการขั้นเด็ดขาด ดำเนินคดีกลุ่มทุนสีเทาชาวจีนหลาย 100 คน ดังนั้นมั่นใจว่ามาตรการที่พรรคเพื่อไทยมีการหารือกันมาตลอดจะสามารถแก้ปัญหากลุ่มทุนสีเทาที่สร้างปัญหาให้สังคมไทยได้อย่างแน่นอน ขอเพียงทุกฝ่ายร่วมมือจัดการกลุ่มธุรกิจนอกกฎหมาย” นายสยาม กล่าว