คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมบอกว่าไม่มีแนวคิดที่จะแก้รัฐธรรมนูญนั้น โดยมองว่า สิ่งนี้เป็นพิษของสารเคมีใช่หรือไม่ เพราะเรื่องนี้อยู่ในนโยบายเร่งด่วนข้อที่ 12 ของรัฐบาลที่ระบุว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องนี้ถามทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้ต้องไปพลเอกประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อใส่ในนโยบายเร่งด่วนแล้วโดยไม่ได้มีใครไปบังคับ หากไม่ทำก็จะถือว่าผิดเพราะว่าได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปแล้ว อีกทั้งนโยบายรัฐบาลก็ได้บรรจุไว้แล้ว ใครเป็นหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีไม่ทำก็จะถือว่ามีความผิด

ดังนั้น นายกรัฐมนตรีต้องกลับไปถามตัวเองว่าเมื่อไม่สนับสนุนที่จะแก้รัฐธรรมนูญแล้วทำไมถึงได้เขียนเป็นนโยบายเร่งด่วน อีกทั้งได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วและได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐก็ได้มีการเสนอในเรื่องดังกล่าวด้วย พลเอกประยุทธ์จึงควรคุยกับตัวเองก่อนว่าจะเอายังไง

อย่างไรก็ตาม พรรคร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรค จะไม่เป็นเจ้าภาพในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ต้องการให้เกิดการยุแยงแบ่งแยกว่าเป็นเรื่องการเมือง ไม่อยากให้เป็นประเด็นทางการเมืองแต่อยากให้เป็นประเด็นของบ้านเมือง หาก 7 พรรคร่วมเป็นเจ้าภาพก็จะกลายเป็นว่าฝั่งนี้อยากแก้รัฐธรรมนูญจึงไม่อยากให้เป็นวาระของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่อยากให้เป็นวาระของประชาชน

ส่วนที่มองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จำเป็นต้องแก้ไขหรือไม่นั้น ก็อยากให้คิดทบทวนว่าการที่ประเทศมีรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศที่ผิดแผกแตกต่างจากกฎหมายที่ใช้กันอยู่ทั่วโลก ซึ่งไม่ได้รับการยอมรับประเทศไม่เป็นประชาธิปไตยและไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ต่างชาติก็ไม่มีความเชื่อมั่นและไม่นำเงินมาลงทุน หากทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจะเป็นผลดีต่อประเทศหรือไม่ จึงสมควรที่จะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ส่วนการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดกำแพงเพชร อยู่ระหว่างการดำเนินการสรรหาผู้สมัครที่อาจจะเป็นผู้สมัครคนเดิม หรืออาจจะเป็นผู้สมัครคนใหม่ ส่วนเหตุที่พรรคเพื่อไทยไม่ส่งผู้สมัครในการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดนครปฐม เนื่องจากพรรคไม่มีตัวแทนจังหวัด จึงไม่สามารถส่งผู้สมัครได้ ยืนยันไม่ได้หลีกทางให้กับพรรคการเมืองอื่น หรือฮั้วกับพรรคการเมืองอื่น