ไม่พบผลการค้นหา
'ธรรมนัส' เล่นใหญ่ แจงกระทู้พื้นที่ทับซ้อนอุทยานเขาใหญ่ ลั่น 'คนจัญไรมีเยอะ' ไร้จิตสำนึกออกเอกสิทธิ์จัดที่ดินให้เกษตรกร ยัน ขรก. ชั่วต้องถูกลงโทษ ยกคำ 'ชัยวัฒน์' เรื่องนี้ไม่มีจบแบบหล่อ

วันที่ 7 มี.ค. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 24 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 วาระพิจารณากระทู้ถามสด อภิชาติ ศิริสุนทร สส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรณีการออกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.ทับซ้อนที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใน ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จนกลายเป็นข้อพิพาทขัดแย้งระหว่าง 2 หน่วยงานเกี่ยวกับแนวเขตที่ยังไม่ชัดเจน 

โดยกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้อ้างพระราชกฤษฎีกาอุทยานเขาใหญ่ พ.ศ 2505 ขณะที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดิน อ้างติดตามพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ปี 2534 จึงขอสอบถามว่า สถานะของรายงานที่กรมแผนที่ทหาร ที่รายงานไปยังนายกรัฐมนตรี ว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่มีการทับซ้อนและอยู่นอกแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้น สามารถนำมาตัดสินความขัดแย้งหรือข้อพิพาทแนวเขตได้หรือไม่ นำมาใช้แทนแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาได้หรือไม่

จากนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลุกชี้แจงว่า ความจริงแล้ว ตนเองอยากจะขอเลื่อนการมาชี้แจงในวันนี้ เขาอยากได้รับรายงานที่ชัดเจน และถูกต้องตามกฎหมายก่อน แต่เนื่องจากเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจจึงตัดสินใจมาตอบกระทู้ในวันนี้ 

 สำหรับพื้นที่พิพาทนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นที่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาเพียงจุดเดียว แต่เกิดขึ้นทั่วประเทศ เนื่องจากหน่วยงานของรัฐในแต่ละกระทรวงต่างอ้างแผนที่ของตัวเอง โดยกระทรวงทรัพย์ได้อ้าง พระราชกฤษฎีกา ปี 2505 ในขณะที่ส.ป.ก.ก็มีพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ปี 2518 ซึ่งการจัดสรรที่ดินเพื่อให้ประชาชนใช้ทำกิน ก็ไม่ได้คิดจะเอามาจากก็ทำเลยแต่มีขั้นตอนและมีกฎหมายรองรับ 

"ทั้ง 2 หน่วยงานไม่มีใครผิด แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เรายังไม่เกิด จนกระทั่งในปี 2538 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ในขณะนั้น ได้มีการออกถนนแนวเขตกันไฟหรือบัฟเฟอร์โซน เพื่อเป็นถนนลาดตระเวน แต่ลืมออกกฎหมายเพื่อประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงทิ้งให้เราต้องมานั่งเถียงกันตอนนี้ว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ผมจึงไม่ขอท้าวความว่าใครถูกผิด เราต่างคนต่างทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชน อย่าลืมว่าเรา ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะผมก็เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.พะเยา ซึ่งศาลากลางยังอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ ขนาดหน่วยราชการยังเถื่อน อาศัยอยู่ในที่ดินเถื่อนอยู่เลย จึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูป ในรัฐบาลที่แล้ว ตั้งแต่ปี 2566 จนน่าจะต้องอนุกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา One Land One Law เพื่อใช้กฎหมายฉบับเดียวกันคือรัฐธรรมนูญ 2560 และมีแผนที่ฉบับเดียวกันทั้งประเทศ ไม่ใช่ต่างคนต่างถือแผนที่ของตัวเองไม่ใช่นั้นเมื่อไหร่ปัญหาจะจบ มาปล่อยให้เรานั่งเถียงกันในสภา"

ก่อนจะชี้แจงต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรมแผนที่ทหารมาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาจนนำไปสู่การแถลงเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมาเพื่อยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน แต่ปัญหาก็ไม่จบ ต่างฝ่ายต่างกัน ดังนั้นจึงต้องเข้าสู่ One Land One Law เป็นที่มาของการสั่งการให้หน่วยงานกลางอย่างกระทรวงกลาโหมจัดทำแผนที่กลาง หรือ One map แต่รายงานฉบับ ที่กรมแผนที่ทหารรายงานไปยังนายกรัฐมนตรียังไม่ถือว่าจบขั้นตอน และยังไม่มีผลบังคับใช้ เพราะเมื่อเรื่องยังไม่จบจึงส่งกลับไปให้คณะอนุกรรมการ One Map ดำเนินการใหม่ ซึ่งทั้งกรมอุทยานและ ส.ป.ก. ก็ได้ทำข้อตกลงที่จะรอความชัดเจนจาก One Map ก่อน ในระหว่างนี้ ต่างฝ่ายต่างถอยคนละก้าว และตนได้สั่งการให้ของเอกสารส.ป.ก. 4-01 ในพื้นที่พิพาททั้ง 5 ฉบับ พร้อมสั่งห้ามเข้าพื้นที่ และได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน การออกเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวและย้ายเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับมายังส่วนกลาง ทั้ง 6 นาย เพราะตนได้ข้อมูลว่า อาจมีการออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบ 

"ผมได้ส่งที่ปรึกษาของผมไปแจ้งความดำเนินคดี ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต มิชอบ เพราะมั่นใจว่า หน่วยงานที่มีความเป็นธรรม ตงฉิน เพื่อให้ดำเนินคดีสาวถึงใคร ไม่มีจบแบบหล่อ ใครผิดว่าตามผิด นอกจากผิดวินัยร้ายแรงแล้วจะต้องดำเนินคดี ที่สำคัญ วันพรุ่งนี้จะให้เลขา ส.ป.ก. ทำหนังสือถึงเลขาฯ ปปง. เพื่อหยุดทรัพย์สินคืนสู่แผ่นดินให้หมด ส่วนพื้นที่พิพาทนี้จะต้องรักษาไว้ให้เป็นป่า แต่จะเป็นป่าประเภทไหนขึ้นอยู่กับทั้งสองหน่วยงานจะตกลงกัน ดังนั้นหน้าที่ของปลัดทั้ง 2 กระทรวงคือไปสั่งลูกน้องของคุณให้หยุดพูดกันได้แล้ว"

จากนั้น อภิชาติ ได้ลุกขึ้นถามคำถามที่ 2 ว่า เคยได้รับรายงาน จาก ส.ป.ก.เรื่องที่กรมอุทยานฯ สวยคัดค้านการปักหมุดส.ป.ก. ถึง 2 ครั้ง เมื่อเดือนตุลาคมปี 2566 และ สคทช. เคยทำหนังสือสอบถามถึงเรื่องเดียวกันถึง 2 ครั้ง หรือไม่ และ หากเคยได้รับรายงานได้มีการสั่งการอย่างไรหรือไม่ 

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ย้อนไปถึงวันที่ 5 ก.ค. 2566 ตอนนั้นเริ่มมีการปักหมุด จนมาถึงกระบวนการออกเอกสิทธิ์​ ใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งส่อพิรุธ ว่า มิชอบ ซึ่งตนไม่ได้รับรายงาน แต่หลังจากนั้นตนพบว่า ส่อพิรุธ จึงต้องมีการดำเนินคดีกับผู้ดำเนินการ นำไปสู่การย้ายเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก โคราช ทั้งหมด 6 คน และให้ดำเนินคดีทางวินัยและอาญา ยืนยัน ไม่ได้นิ่งเฉย และสั่งให้หยุดดำเนินการทั้งหมด และหลังจากที่เป็นประเด็น ตนอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ รีบบินมาเข้าพื้นที่ทันที เพราะเข้าใจว่ากำลังทะเลาะกันแรง จึงรีบมา ไม่มีเจตนาจะรังแกเพื่อนข้าราชการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง เพราะทั้ง 2 กระทรวงมาจากพรรคเดียวกัน และยืนยัน ว่าทั้งสองกระทรวง ไม่มีข้อพิพาทกันตามที่เป็นข่าว ดังนั้น การแก้ปัญหา เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่รายงานก็ถือว่าผิด 

อภิชาติ จึงถามคำถามที่ 3 ว่า เห็นด้วยกับหลักการในการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับพี่น้องประชาชนแต่กรณีที่เกิดปัญหาส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ดังนั้น มีแนวทางจะป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตและสร้างความน่าเชื่อถือกลับมาได้อย่างไร และได้รับรายงานหรือไม่ว่ายังมีอีกกี่พื้นที่ที่เป็นข้อพิพาท เช่นกรณีที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

แต่ปรากฏว่า ร.อ.ธรรมนัส เหลือเวลาตอบแค่ 37 วินาที ทำให้ประธานที่ประชุมจึงเพิ่มให้เป็น 1 นาที ร.อ.ธรรมนัส บอกว่าตนตั้งใจมาตอบเรื่องนี้ เวลาแค่ 1 นาที ไม่สามารถตอบได้หมด อภิชาติ จึงบอกว่า เวลาของตนเหลือเยอะ จึงขอยกเวลานี้ให้กับ ร.อ.ธรรมนัส ตอบ 

จากนั้น ร.อ.ธรรมนัส จึงชี้แจง ว่า ยอมรับว่าที่ดินที่ทับซ้อนพื้นที่ ส.ป.ก. มีอีกเยอะมาก ซึ่งพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม P Move ประชาชน 4 ภาค และสมัชชาคนจน ที่ถูกดำเนินคดีกว่าหมื่นคดี ก็เป็นเรื่องที่ดินทำกิน วันนี้เรามาช่วยกันแก้ปัญหา ตนได้รับรายงานช้า เป็นความบกพร่องของตนเองหรือไม่ ต้นกำกับดูแลสำนักงานที่ดินเนื้อที่ 40 กว่าล้านไร่ มีเจ้าหน้าที่ส.ป.ก.72 จังหวัด เหมือนมี 72 โรงพัก โรงพักไหนที่นำลูกน้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบก็จะต้องถูกลงโทษ ไม่รายงานตนก็จะถูกลงโทษ 

"เปรียบเสมือนนิ้ว 10 นิ้ว นิ้วไหนเน่าก็ต้องตัดทิ้ง แต่ไม่เหมารวม ว่านโยบายปฎิรูป​ที่ดินจะล้มเหลว ต้องไปถามเกษตรกร พอใจกับนโยบายเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก. เป็นโฉนดหรือไม่ ไปถามเลย ล้านคนปฏิเสธกี่คน จะได้รู้ข้อมูล เมื่อทราบว่ามีที่ดินทับซ้อนจะต้องทำอย่างไร ก็ต้องกลับไปสู่คำถามแรกคือต้องใช้ One Map แล้ววันนี้ผมได้ตั้งคณะกรรมการพิเศษโดยมีรองหัวหน้า ส.ป.ก.เป็นหัวหน้าชุดปฎิบัติการพิเศษ ส่องดูพื้นที่ทั้งหมดที่กำลังแปลง ส.ป.ก.เป็นโฉนด จำนวนทั้ง 1.7 ล้านครอบครัว ของพี่น้องเกษตรกรที่มีสิทธิ์ในที่ดินทำกิน และถือครองเกิน 5 ปี จะเข้าไปชำแหละทั้งหมดเลยว่าใช่เกษตรกรตัวจริงหรือไม่ เลขา ส.ป.ก.ต้องทำงานหนักกว่าเดิม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องเกษตรกร"

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวอีกว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศกว่า 52 ล้านชีวิต หวังพึ่งพากระทรวงเกษตร แต่กระทรวงเกษตรอย่าคิดว่าตัวเองแน่ ขอให้ฟังเสียงพี่น้องประชาชนด้วย 

"ในยุคผมไม่มีหรอกครับให้ท่านตรวจสอบได้เลย กรรมาธิการอยากไปดูงานที่กระทรวงก็เชิญได้เลย แต่ที่เมื่อวานไม่ได้มาชี้แจงต่อกรรมาธิการที่ดินไม่ใช่ว่าเลี่ยง ผมต้องการมาตอบเองวันนี้ ไม่ต้องการไปเถียงในห้อง อยากมาตอบในสภาให้พี่น้องทั้งแผ่นดินได้เห็น สิ่งที่กำลังแก้ปัญหาไม่ใช่เฉพาะที่เขาใหญ่ที่เดียว แต่เกิดกับทุกที่ ที่จะมีการปฏิรูปที่ดินหรือเป็นที่ดินของรัฐ ดังนั้น ต้องมาทบทวนถอดบทเรียนเขาใหญ่ ผมสั่งการเป็นนโยบายชัดเจนว่าต่อไปนี้พื้นที่ทับซ้อน ระหว่างอุทยานกับ ส.ป.ก.ห้ามจัดให้ประชาชนเด็ดขาด ตัดปัญหาเรื่องช้าง ยังแก้ไม่ได้เลย แล้วคุณยังไปจัดที่ดินให้เกษตรทำกินติดเขาใหญ่ จิตสำนึกมีหรือไม่ มันไม่ควรทำ ชาวบ้านปลูกอะไรช้างก็มาทำลาย ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถคุมชาวบ้านได้ อาจจะมีการบุกรุกเพิ่มเติม ซึ่งจิตสำนึกไม่ควรจัดที่ดังกล่าว แต่สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องในครอบครัวผม ผมต้องไปจัดการ" 

"ผมต้องไปลงโทษคนพวกนี้ คนจัญไรมันมีเยอะครับ ข้าราชการที่ชั่วๆ แบบนี้ต้องถูกลงโทษ ในยุคผมไม่มี ผมยืนยัน ขออนุญาตใช้คำพูด คุณชัยวัฒน์ว่า ไม่มีหรอกครับจบแบบหล่อๆ ไม่เขาก็เราต้องผิด เพื่อเอาผิดและลงโทษทางวินัยและอาญา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับพี่น้องข้าราชการต่อไป ที่สูงสุดและหนักกว่านั้นคือผมเอา ปปง. มาตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด เตรียมตัวไว้เลยว่าสิ่งที่คุณสร้างมาตลอดชีวิต คุณจะเหลือศูนย์ จะติดลบ หรือติดคุก ผมไม่เว้นหรอกครับ และไม่สนใจน่าอินทร์หน้าพรหม หรือคุณจะเป็นเจ้าสัวหรืออะไร ผมจะเอาคืนเพราะมันเป็นที่ดินของรัฐของหลวง ควรจะมอบให้กับคนที่เป็นเจ้าของประเทศ" 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ชี้แจงกระทู้ เกิดเสียงสัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้น ร.อ.ธรรมนัส จึงกล่าวว่า "สงสัยไฟผมจะแรง"