ไม่พบผลการค้นหา
'ปานปรีย์-หวังอี้' จับมือลงนาม 'ยกเว้นวีซา' ไทย-จีน มีผล 1 มี.ค. นี้ เชื่อเพิ่มสัมพันธ์แน่นแฟ้น ยกระดับการท่องเที่ยว-เศรษฐกิจ

28 ม.ค. 2567 ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมด้วย หวัง อี้ สมาชิกกรมการเมืองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมในพิธีลงนามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซา) ซึ่งกันและกัน สำหรับทั้งผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา และหนังสือเดินทางกึ่งราชการ โดยความตกลงดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป ซึ่งมีระยะเวลาพำนักแต่ละครั้งไม่เกิน 30 วัน และรวมระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ภายในช่วงเวลา 180 วันใดๆ

ภายหลังการลงนามว่า ปานปรีย์ กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้ต้อนรับ หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนไทยในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้พบปะหารือกับ หวัง อี้ ถึง 2 ครั้ง เป็นโอกาสที่ได้หารืออย่างในละเอียด กว้างขวาง ในประเด็นยุทธศาสตร์สำคัญของทั้ง 2 ประเทศ รวมทั้งเรื่องสำคัญในภูมิภาค

ปานปรีย์ ยังกล่าวถึงการประชุมกลไกการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย - จีน ครั้งที่ 1 ว่า ถือเป็นก้าวสำคัญของรัฐมนตรีต่างประเทศทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งตามข้อตกลงมีการสลับกันเป็นเจ้าภาพหารือกันอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยในวันนี้ มีการหารือส่งเสริมความร่วมมือในทุกด้าน เรายืนยันจะสนับสนุนซึ่งกันและกันในทุกมิติ ทั้งการเพิ่มพูนการค้าและการลงทุน ความมั่นคง วัฒนธรรม การท่องเที่ยว การอำนวยความสะดวกด้านการเชื่อมโยง ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน และความร่วมมือในเวทีพหุภาคีในภูมิภาค

"เรายังได้แลกเปลี่ยนมุมมองสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศ ที่สำคัญต่อภูมิรัฐศาสตร์โลก และภูมิภาคของเรา ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ในเมียนมา คาบสมุทรเกาหลี สถานการณ์ในตะวันออกกลาง เป็นต้น และเราเห็นว่าความสัมพันธ์ไทย-จีน สำคัญต่อเสถียรภาพและความเจริญในภูมิภาคอย่างยิ่ง จึงจะยึดแนวทางของประชาคมไทย-จีน เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนยิ่งขึ้นไป"

ปานปรีย์ กล่าวด้วยว่า ไทยกับจีนได้ลงนามในเอกสารความสำคัญที่สะท้อนความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด อย่างความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราและที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป ถือว่าความตกลงนี้เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพไทย-จีนที่มีมาอย่างยาวนาน

"เราถือว่าความไว้เนื้อเชื่อใจได้ทุกระดับ มั่นใจว่าการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประชาชน การท่องเที่ยว หรือติดต่อธุรกิจต่าง ๆ จะเป็นไปอย่างสะดวกสบาย ช่วยกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของทางฝั่งไทยและจีนได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2568 จะเป็นโอกาสพิเศษยิ่ง ที่ไทยกับจีนได้เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน เพื่อให้ความร่วมมือที่แน่นแฟ้นอยู่แล้ว เพิ่มขึ้นในทุกด้าน" ปานปรีย์ กล่าว

หวังอี้ - ปานปรีย์ เซ็บยกเลิกวีซ่าหวังอี้ - ปานปรีย์ เซ็บยกเลิกวีซ่าหวังอี้ - ปานปรีย์ เซ็บยกเลิกวีซ่าหวังอี้ - ปานปรีย์ เซ็บยกเลิกวีซ่าหวังอี้ - ปานปรีย์ เซ็บยกเลิกวีซ่าหวังอี้ รมว.ต่างประเทศจีนหวังอี้ - ปานปรีย์ เซ็บยกเลิกวีซ่า

ด้าน หวัง อี้ ระบุว่า ยินดีที่ได้เดินทางมาเยือนไทยในช่วงปีใหม่นี้ โดยเมื่อสักครู่ได้ประชุมกลไกการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นครั้งแรก เพื่อแลกความคิดเห็นอย่างลึกซึ่งให้เป็นไปตามฉันทามติระหว่าง ประธานาธิบดีจีนกับผู้นำไทย รวมถึงความร่วมมือสร้างประชาคมร่วมกันระหว่างจีน-ไทย ในหลายข้อ ทั้งสองฝ่ายจึงได้เน้นย้ำถึงการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน เนื่องจากในปีหน้าจะครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ฉะนั้นจีนขอยืนยันว่าเราให้ความสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ไทย และขอชื่มชมฝ่ายไทยที่ยึดมั่นในหลักการจีนเดียว

"การยกเว้นวีซ่านั้นจะนำมาสู่กระแสใหม่แห่งการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนไทยก็จะเพิ่มขึ้น จีนเองพร้อมที่จะเชิญเพื่อนๆ ชาวไทยมายังประเทศจีนด้วย มาสัมผัสพลวัตรและความนิสัยดีของประชาชนจีน จีนไทยไม่ใช่อื่นไกล เป็นพี่น้องกัน"

เราทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการร่วมมือเพื่อสร้างผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน ทั้ง 2 ประเทศล้วนมีศักยภาพสูงมาก ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันที่จะเร่งการพัฒนา โครงการก่อสร้างรถไฟจีน - ไทย ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเพื่อเชื่อมโยงกันระหว่างจีนลาวและไทย เพื่อสร้างเส้นทางตรงกลางของ Trans-Asia Railway ให้เสร็จโดยเร็ว ทั้งสองฝ่ายกำลังจะเซ็นสัญญาตกลงการส่งออกสินค้า ฝ่ายจีนมีความยินดีนำเข้าผลผลิตทางการเกษตรจากไทยมากยิ่งขึ้น พร้อมสนับสนุนให้บริษัทจีนมาลงทุนที่ไทย โดยเฉพาะความร่วมมือด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และเศรษฐกิจดิจิทัล และเศรษฐกิจสีเขียว

"ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันในการร่วมมือบังคับใช้กฎหมายด้านความมั่นคง เพื่อร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่นการหลอกลวงทางโทรศัพท์ การพนันออนไลน์ และการค้าขายยาเสพติด เพื่อสร้างทรัพยากรที่มีความมั่นคงสำหรับประชาชนทั้ง 2 ประเทศ"

ทั้งสองฝ่ายยังยืนยันที่จะยึดมั่นในลัทธิพหุนิยมที่แท้จริง และลัทธิภูมิภาคนิยมที่เปิดกว้าง เร่งปรึกษาหารือกันใน COC เพื่อรักษาความเป็นแกนนำของอาเซียน ฝ่ายจีนสนับสนุนไทยในการจัดประชุมความระดับรัฐมนตรีและระดับผู้นำเพื่อร่วมมือสร้างประชาคมระหว่างประเทศแม่น้ำล้านช้าง-แม่โขง เพื่อความสันติสุขและเจริญยั่งยืน

หวัง อี้ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทั้งสองฝ่ายกำลังจะร่วมมือเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังอยู่ระหว่างการเริ่มต้นใหม่ในทางประวัติศาสตร์ ทางจีนยินดีที่จะให้ความร่วมมือฝ่ายไทยปฏิบัติการร่วมกันในฉันทามติของผู้นำทั้ง 2 ประเทศ เพื่อร่วมกันสร้าง ประชาคมร่วมจีนไทย เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ยิ่งขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการนี้ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้ร่วมลงนามสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ เพื่อใช้เป็นที่ทำการและบ้านพักเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จ.ขอนแก่น และ จ.เชียงใหม่