ไม่พบผลการค้นหา
ครม.แจกอีก! อนุมัติปรับเงื่อนไข 'บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ' สำหรับผู้ลงทะเบียนฝึกอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิต จะได้รับเงินเพิ่มจากเดิม 100-200 บาทต่อเดือน กดจากตู้เอทีเอ็มกรุงไทยใช้ได้ทุกเดือน รัฐจ่ายถึงสิ้นเดือน ธ.ค. 2561 พร้อมเห็นชอบหลักให้ใช้ 'เน็ตฟรี'

พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้มีการปรับเปลี่ยนการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 100-200 บาท มาเป็นการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือก และเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีสิทธิตามบัตรสวัสดิการสามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ อันจะช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพ และส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

"ได้มีการเสนอให้ปรับเปลี่ยนแนวทางจากการเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นรายเดือน ตามมาตรการที่ ครม.ได้เคยมีมติเมื่อ 9 ม.ค. 2561 เป็นการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิแทน โดยผู้ที่ได้รับเงินสามารถถอนเงินที่ได้เติมเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์นี้เป็นเงินสดผ่านตู้ ATM ได้เลย เพื่อนำไปใช้จ่าย โดยใช้ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย และถ้าแต่ละเดือนมียอดเงินคงเหลือ ก็สามารถสะสมไว้ในเดือนต่อไปได้ นี่คือข้อแตกต่าง" พ.อ.อธิสิทธิ์ กล่าว

อย่างไรก็ดี เงินที่เติมเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์นี้ จะเป็นเฉพาะเงินที่ได้รับเพิ่มเติมจากโครงการระยะที่ 2 จำนวน 100-200 บาทเท่านั้น ส่วนระยะแรกที่ได้ไปแล้ว 200-300 บาทนั้น ยังเป็นเงินในบัตรสวัสดิการที่ต้องนำไปใช้ซื้อสินค้าในร้านธงฟ้า หรือร้านที่มีเครื่องที่สามารถอ่านบัตรได้เท่านั้น

เติมเงิน 100-200 บาท และกดเป็นเงินสดได้เฉพาะผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอาชีพเท่านั้น

ด้านน.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมบัญชีกลางได้ดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบและอนุมัติให้มีการเพิ่มวงเงินให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่แสดงความประสงค์จะพัฒนาตนเองในแบบประเมินและเมนูการพัฒนารายบุคคล โดยจะได้รับวงเงินเพิ่มสำหรับการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อการเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่น ๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ซึ่งผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงินเพิ่ม จำนวน 200 บาทต่อคนต่อเดือน และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงินเพิ่ม จำนวน 100 บาทต่อคนต่อเดือน 

โดยการเพิ่มวงเงินดังกล่าว ดำเนินการมาแล้ว 6 เดือน (ตั้งแต่เดือนมี.ค. - ส.ค. 2561) ซึ่งสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนให้กับผู้มีสิทธิได้ระดับหนึ่ง 

ในวันนี้ (28 ส.ค.) ครม. ได้มีมติเห็นชอบเพิ่มเติม โดยให้มีการปรับเปลี่ยนจากการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 200/100 บาท เป็นการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิแทน เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกและกำลังซื้อให้ผู้มีสิทธิ สามารถนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ เช่น ยารักษาโรค อาหาร 

รวมทั้งสามารถใช้เงินที่เติมลงบัตรในส่วนนี้เพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการกับหน่วยงานหรือร้านค้าที่วางเครื่อง EDC ของโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือร้านค้าทั่วไป ที่วางเครื่อง EDC ที่มีสัญลักษณ์ PromptCard หรือร้านค้าที่รับชำระเงินผ่าน Mobile Application 'ถุงเงินประชารัฐ' 

เพิ่มวงเงินถึง ธ.ค. 2561 ใช้งบประมาณเดือนละ 700 ล้านบาท

โดยกระทรวงการคลังจะเติมเงินให้อีก 4 เดือนไปจนถึงเดือน ธ.ค. 2561 ใช้เงินเดือนละ 700 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิที่เริ่มใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในการชำระค่าสินค้าหรือบริการจากเงินที่เติมลงบัตรเป็นครั้งแรก จะต้องเปลี่ยนรหัส 6 หลักเดิม (เลขประจำตัวประชาชน 6 หลักสุดท้ายบนหน้าบัตร) จากเครื่อง ATM หรือ เครื่อง ADM หรือ สาขาของ บมจ. ธนาคารกรุงไทย ก่อนจึงจะสามารถใช้ได้ สำหรับผู้ที่ได้ใช้รหัส 6 หลักในการชำระค่าสินค้าหรือบริการ ผ่าน Mobile Application 'ถุงเงินประชารัฐ' แล้ว สามารถใช้รหัสเดียวกันนี้ได้ทันที โดยไม่ต้องเปลี่ยนรหัสอีก ตลอดจนใช้ถอนเงินในส่วนนี้ได้ และควรเก็บรักษารหัสไว้อย่างดีเพื่อความปลอดภัย

อย่างไรก็ดี การปรับเปลี่ยนเป็นการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิยังคงวัตถุประสงค์เดิม คือเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อย และยังเป็นการส่งเสริมการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด

ครม.เห็นชอบหลักการถือบัตรคนจนมีสิทธิ์ใช้ 'อิินเทอร์เน็ตฟรี'

นอกจากนี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบหลักการโครงการอินเทอร์เน็ตสำหรับผู้มีรายได้น้อย ภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีรายได้น้อยจำนวน 11.4 ล้านคนที่ลงทะเบียนไว้ และมีซิมโทรศัพท์มือถือของตัวเองจะมีสิทธิใช้อินเทอร์เน็ตได้ฟรี เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร หรือโครงการต่างๆ จากรัฐบาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :