ไม่พบผลการค้นหา
'เอกชัย อิสระทะ' ว่าที่รองหัวหน้าพรรคสามัญชน ออกแถลงการณ์ขอโทษ หลังเคยร่วมม็อบพันธมิตร-กปปส. จนนำไปสู่การยึดอำนาจรัฐประหาร

จากกรณีนายเอกชัย อิสระทะ ได้รับการคัดเลือกเป็นว่าที่รองหัวหน้าพรรคสามัญชน เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่านายเอกชัย เคยร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และม็อบกปปส. จนนำไปสู่การรัฐประหารทั้งปี 2549 และ 2557 

ล่าสุดนายเอกชัย อิสระทะ ว่าที่รองหัวหน้าพรรคสามัญชน โพสต์เผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ขอโทษที่ทำให้พรรคสามัญชนถูกตั้งคำถาม แต่ถือว่าดีที่ถูกตรวจสอบทั้งในอุุดมคติและการปฏิบัติ 

โดยนายเอกชัย เล่าถึงการออกมาเคลื่อนไหวว่า เป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวระดับจังหวัดสงขลาจริงในนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดสงขลา ที่ตั้งเวทีหลังสถานีรถไฟหาดใหญ่ ในปี 2548 - 2549 หลังจากนั้นกลับไปอยู่บ้านที่อำเภอรัตภูมิ สงขลา

สำหรับกรณีของ กปปส. ตนเป็นมวลชนคนหนึ่งที่ออกมาเดินใช้สิทธิในการชุมนุม ไม่ได้เป็นแกนนำใดๆ ไม่เคยไปชุมนุมหารือ วิเคราะห์หรือวางแผนสถานการณ์ใดๆ กับแกนนำ กปปส. ทั้งในภาคใต้และส่วนกลาง แต่อาจจะมีการกระทำหนึ่งที่อาจถูกนับว่าเป็นแกนนำได้ตรงที่ตนและเพื่อนพี่น้องในชุมชนอำเภอรัตภูมิได้จัดตั้งเวทีปราศรัยขึ้นที่สี่แยกคูหา วัตถุประสงค์เพื่อปราศรัยและถ่ายทอดสัญญาณการชุมนุมจากส่วนกลาง 

อย่างไรก็ดีช่วงระหว่างนี้การชุมนุมจากส่วนกลาง ยังเป็นการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอยู่ แต่หลังจากการชุมนุมจากส่วนกลางขยายตัวไปมากกว่าการต่อต้าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม เวทีเคลื่อนย้ายมาที่หน้าอำเภอรัตภูมิ โดยพรรคการเมืองหนึ่ง จึงได้ถอยออกมา เนื่องจากตนไม่เคยเชื่อมั่นหรือไว้ใจใดๆ ต่อพรรคนั้นมาเนิ่นนานแล้วจากหลายกรณีที่พรรคนี้ผลักดันการพัฒนาในภาคใต้ที่ผมและเพื่อนๆ ต่อสู้คัดค้านร่วมกับพี่น้องประชาชน 


"ผมขอโทษต่อพี่น้องที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวครั้งนั้นนำพาไปสู่การรัฐประหาร"


นายเอกชัย ระบุเพิ่มเติมว่า หลังจากยึดอำนาจทั้งสองครั้ง ก็มีการออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา รวมถึงการร่วมลงรายชื่อยกเลิกคำสั่ง คสช. ร่วมกับเพื่อนมิตรจากภูมิภาคต่างๆ และการร่วมเดิน We Walk กับพี่น้องที่เดือดร้อนจากปัญหาทรัพยากรและที่ดินทั่วประเทศ

ดังนั้นการมาร่วมกับพรรคสามัญชนในครั้งนี้อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระยะยาวที่ไม่เพียงการสร้างประชาธิปไตยจากฐานราก แต่ต้องปกป้องสิทธิมนุษยชน สิทธิของชุมชน และสร้างความเท่าเทียมระหว่างคนในศูนย์กลางอำนาจกับคนชายขอบที่ถูกละเลยมาโดยตลอด 


"กระนั้นก็ดีก็คงต้องเป็นเรื่องของอนาคตที่ผมและพรรคสามัญชนจะต้องพิสูจน์ว่าเป็นของจริงหรือไม่"

อ่านเพิ่มเติม


ภาพ:เฟซบุ๊กเอกชัย อิสระทะ