ชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร (สส.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการทำหน้าที่ของคณะกรรมการศึกษาการทำประชามติรัฐธรรมนูญ โดยชูศักดิ์ ระบุว่าจะมีการนัดประชุมในวันที่ 10 ต.ค. เพื่อหารือกรณีพรรคก้าวไกลไม่เข้าร่วม ซึ่งจะมีการปรับสัดส่วนอย่างไรต้องรอความชัดเจนจาก ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการดังกล่าว
โดยส่วนตัวคาดว่าการศึกษาทำประชามติจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ โดยมี 2 เรื่องสำคัญคือ 1.จะทำประชามติอย่างไร เพราะยังมีความคิดเห็นต่างกันอยู่ ว่าจะมีการทำประชามติกี่ครั้ง หากทำร่างแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 หากผ่านรัฐสภาในวาระ3 ถึงจะทำประชามติ ซึ่งจะเป็นประชามติครั้งแรก มี ส.ส.ร. มายกร่างใหม่ เมื่อผ่านรัฐสภาก็นำไปทำประชามติซึ่งจะเป็นประชามติครั้งที่ 2 นำขึ้นทูลเกล้าฯ
หากซ้ำรอย วาระ 3 เหมือนคราวที่แล้วก็จะยุ่งยาก ซึ่งจะต้องทำเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเป็นเรื่องแรก และร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา 256 จะต้องทำมีบรรจุเรื่อง ส.ส.ร.ร่างนี้ตอน ส.ส.ร. จะมีการกำหนดเงื่อนไขอะไรบ้าง เช่น รัฐบาลกำหนดห้ามแก้หมวด 1 หมวด 2 หรือ ที่มา ส.ส.ร. มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนทั้งหมด 200 คน หรือจะมีผสมจากการสรรหา โดยร่างของพรรคเพื่อไทยที่คิดไว้คือ 200 คน เลือกตั้งทั้งหมด
สำหรับประเด็นการทำหน้าที่ประธาน ป.ป.ช.ในสัดส่วนของเพื่อไทยนั้น ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง เพราะมีกลไกการลงมติของคณะกรรมการธิการอยู่แล้ว พร้อมย้ำว่าไม่ได้เข้ามาทำหน้าที่เพื่อปกป้องใครตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์
ทั้งนี้กรณีที่พรรคก้าวไกลยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ชูศักดิ์ เห็นว่าต้องคิดให้รอบคอบ เพื่อไม่สร้างความขัดแย้งในสังคม เพราะการตีความในเรื่องคดีการเมืองนั้นไม่ชัดเจน ควรมาร่วมหารือกันให้ตกผลึก ส่วนตัวเห็นด้วยที่ต้องการยุตินิติสงคราม แต่จะทำให้เกิดขึ้นจริงหรือสร้างความขัดแย้งเพิ่ม เรื่องนี้จึงจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบ