วันที่ 31 ส.ค. ที่อาคารรัฐสภา ชูศักดิ์ ศิรินิล สส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงขั้นตอนการเสนอคำถามประชามติจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งจะดำเนินการในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก โดยในส่วนของคำถามประชามติเป็นหน้าที่ของ ครม. ต้องคิดคำถาม
อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยได้มีมติเสนอคำถามให้ ครม. พิจารณา มีเนื้อหาสาระว่า ประชาชนเห็นควรหรือไม่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ซึ่งคำถามอาจมีการปรับแก้อย่างไรตามความเหมาะสมก็ขึ้นอยู่กับ ครม.
ชูศักดิ์ อธิบายว่า หาก ครม. มีมติแล้ว เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดำเนินการจัดทำประชามติ ซึ่งใช้เวลาไม่น้อยกว่า 90 วัน แต่ไม่เกิน 120 วัน หรือประมาณ 3 เดือน
และหากประชามติแรกผ่าน ครม. หรือพรรคการเมืองจะต้องนำเสนอร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่มีสาระสำคัญคือเสนอแก้ไขมาตรา 256 ว่าด้วยวิธีแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อเพิ่มหมวดว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการ สสร. ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา 3 วาระ
"เมื่อจัดทำกฎหมายแล้วเสร็จ จะเข้าสู่กระบวนการเลือก สสร. มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผมเข้าใจว่าระยะเวลากว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ ไม่น่าจะเกิน 3 ปี บวกลบประมาณนั้น"
ส่วนข้อวิจารณ์ที่ในการประชุมสภาฯ เมื่อวาน (30 ส.ค.) พรรคเพื่อไทยไม่ร่วมลงมติเห็นชอบให้เลื่อนระเบียบวาระการพิจารณาคำถามประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญมาพิจารณาก่อน ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ ชูศักดิ์ อธิบายว่า เมื่อวานเข้าใจสาเหตุที่พรรคก้าวไกลเสนอญัตติมา แต่แม้ว่าสภาผู้แทนราษฎรมีมติให้ผ่าน ก็ยังไม่จบ เพราะต้องอาศัยรัฐสภา จึงต้องเข้าสู่การพิจารณาในวุฒิสภาต่อไป
"ก็ต้องดูอีกว่าวุฒิสภาจะผ่านไหม ผมจึงคิดว่าการที่ ครม. จะมีมติเสียเลย จะย่นย่อระยะเวลาได้ ญัตติของก้าวไกล ถึงแม้เมื่อวานผ่านไปถึงวุฒิสภา ผมถามสื่อมวลชนว่าจะผ่านหรือไม่ เพราะกฎหมายประจำมติใช้คำว่ารัฐสภา จึงต้องพิจารณากันทีละสภา"
ขณะที่ข้อกังวลของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) บางฝ่าย ว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับอาจกระทบกับหมวด 1 หรือหมวด 2 จึงควรเสนอเงื่อนไขดังกล่าวไว้ในคำถามประจำมติครั้งแรก ชูศักดิ์ ชี้ว่า อาจไม่จำเป็นต้องกำหนดเงื่อนไขเนื่องจากมาตรา 255 แห่งรัฐธรรมนูญ กำหนดไว้อยู่แล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองของรัฐไม่ได้ และเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากเปลี่ยน
สำหรับการนัดประชุมของพรรคเพื่อไทยเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่นั้น ชูศักดิ์ กล่าวว่า ถึงขณะนี้ยังไม่มีการนัดหมายกัน ส่วนคุณสมบัติของหัวหน้าพรรคคนใหม่ ตามที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เคยระบุไว้ว่าต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจและสังคม
ส่วนกระแสข่าวที่หัวหน้าพรรคคนต่อไปอาจจะเป็น แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคครอบครัวเพื่อไทย นั้น ชูศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่ไม่จำเป็นต้องเป็น สส.