ไม่พบผลการค้นหา
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเข้าร้องเรียน กกต. เหตุรายชื่อหายทั้งครอบครัว ด้าน“เลขาธิการ กกต.”เน้นย้ำห้ามถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งในคูหา เผยจนถึงปัจจุบันมีเรื่องร้องคัดค้านมายังกกต. แล้ว 157 เรื่อง

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงข่าวสรุปภาพรวมสถานการณ์การเลือกตั้งในช่วงบ่ายว่า มีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเกิดขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะการฉีกบัตรเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดจำนวน 10 ราย ได้แก่ ที่จังหวัดลำพูน สมุทรสงคราม พระนครศรีอยุธยา ยโสธร เชียงใหม่ ตาก กรุงเทพฯ ปทุมธานี นครศรีธรรมราช และจังหวัดอ่างทอง ซึ่งสาเหตุของการฉีกบัตร มีทั้งกรณีที่เป็นผู้สูงอายุ เมาสุรา มีเรื่องของการถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดี

เลขาธิการ กกต. กล่าวต่อว่า จนถึงขณะนี้มีเรื่องร้องคัดค้านทั้งที่สำนักงาน กกต.จังหวัด และกกต.ส่วนกลาง รวมแล้วทั้งสิ้น 157 เรื่อง 140 สำนวน โดยเรื่องที่ร้องคัดค้านมากที่สุด คือการแจกเงินซื้อเสียง 57 คดี ขณะเดียวกันยังมีกรณีที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งผิดหน่วย ซึ่งกกต. ได้แนะนำให้ไปใช้สิทธิ์ในหน่วยที่ถูกต้องแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีกรณีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมาร้องเรียนว่ามีคนใช้สิทธิ์ลงคะแนนแทนที่อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลว่าเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มีชื่อ 2 คนหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีคนเข้ามาร้องเรียนกับ กกต.ว่าไม่มีชื่อปรากฏเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ทั้งที่สำนักงานเขต และแอปพลิเคชันสมาร์ตโหวต ของ กกต.นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง

เลขาธิการ กกต. ยังย้ำว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่ควรถ่ายรูปบัตรเลือกตั้งภายในคูหาเลือกตั้ง เพราะเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไม่ต้องการให้ถ่ายภาพบัตรลงคะแนน เพราะการเลือกตั้งเป็นความลับ จะต้องรู้เฉพาะผู้ที่ลงคะแนนเท่านั้น ซึ่งหลังจากการเลือกตั้งแล้วต้องพับตามรอยพับแล้วนำไปหย่อนในหีบบัตร ซึ่งสามารถถ่ายรูปจากนอกคูหาเข้ามาได้

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายเพชรรัตน์ จำปาแดง พร้อมภรรยาและบุตร ได้เดินทางเข้าร้องเรียนภายในศูนย์อำนวยการและประสานงานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 5 ของสำนักงาน กกต. หลังจากตรวจสอบรายชื่อที่สำนักงานเขตแล้วไม่พบว่าเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เช่นเดียวกันกับการตรวจสอบรายชื่อผ่านแอปพลิเคชันสมาร์ตโหวต ก็ไม่พบว่าเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเช่นกั

นายเพชรรัตน์จึงเข้าร้องเรียนกับ กกต. เพราะต้องการทราบถึงเหตุผลการไม่มีชื่อเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่10 เขตสาทร และเกรงว่าจะเสียสิทธิ์เลือกตั้งตามกฎหมาย หากไม่��ปใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งนี้

โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้เดินทางไปใช้สิทธิ์ ณ เขตเลือกตั้งที่ 10 บริเวณภายในโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน แต่เมื่อไปถึงได้ตรวจสอบรายชื่อ กลับพบว่าไม่มีรายชื่อเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จึงได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง แต่เจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปแจ้งเรื่องที่สำนักงานเขต และเมื่อไปที่สำนักงานเขตก็ไม่พบว่ามีรายชื่อเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเช่นกัน