ต่างประเทศ
ทนายเผยสภาพคุกขัง ‘อองซาน ซูจี’ รันทด แต่ยันดอว์ซูยังคงสงบนิ่ง-กำลังใจดี
นับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา มีการพบกองกำลังของเผด็จการเมียนมาถูกส่งเข้ามายังบริเวณสถานกักกันของกรุงเนปิดอว์มากขึ้น นับตั้งแต่ อองซาน ซูจี ในวัย 77 ปี ถูกย้ายตัวมาจากที่กักกันที่ไม่เปิดเผยตำแหน่งมายังเขตซัมบูทีรี ทั้งนี้ เผด็จการเมียนมากักขัง อองซาน ซูจี มาตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2564 ภายหลังการรัฐประหารล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ทนายฝ่ายจำเลย 2 คน ที่ไม่เปิดเผยตัวตนระบุกับ Myanmar Now ว่า พวกตนได้เดินทางเข้าไปยังที่คุมขัง อองซาน ซูจี อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อพบกับ อองซาน ซูจี ในเรือนจำ นับตั้งแต่มุขมนตรีแห่งเมียนมาถูกสั่งย้ายตัวมายังสถานที่กักกันใหม่ในกรุงเนปิดอว์ โดยบนถนนเมียวปัต หรือที่รู้จักกันในชื่อ B4 มีการพบทหารของเผด็จการเมียนมามายืนประจำการ “ทหารเฝ้าด้านนอกศูนย์กักขัง และเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่ด้านใน นอกจากนี้ ยังมีบุคลากรจากหน่วยข่าวกรองทางทหารด้วย” ทนายความคนหนึ่งกล่าว
ทนายความรายดังกล่าวระบุว่า ตนถูกบอกโดยคนขับแท็กซี่ในบริเวณดังกล่าวว่า เผด็จการทหารเมียนมาได้นำพลปืนสไนเปอร์ประจำอยู่บนถนน B4 อีกทั้งยังมีการห้ามให้รถหยุดบนถนนมอเตอร์เวย์ด้วย
นอกจากนี้ ทนายความคนที่สองบอกกับ Myanmar Now ว่า ร้านอาหาร 2 ร้าน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กันกับเรือนจำยังถูกรื้อถอนออกไปด้วย โดยมีการสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของกองทัพ ทั้งนี้ ผู้สัญจรผ่านไปมาหน้าเรือนจำยังได้พบกับความยากลำบากในการเดินทางมากขึ้น รวมถีงผู้ที่เดินทางมาเรือนจำเพื่อเข้าเยี่ยมด้วยเช่นกัน
โดยภายในเขตเรือนจำ ทนายความทั้งสองเปิดเผยว่าพวกตนพบบังเกอร์ที่เพิ่งถูกสร้างเสร็จ และมีการส่งกำลังพลเข้ามายังเรือนจำมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ ทนายความทั้งสองระบุอีกว่า มีการกั้นห้องขึ้นมาใกล้กันกับบริเวณอาคาร เพื่อใช้ในการพิจารณาคดีแบบปิดต่อ อองซาน ซูจี แยกต่างหาก
“ศาลพิจารณาคดี” มีขนาด 30 ตารางฟุต ตั้งอยู่บริเวณยอดเนินดินห่างจากบังเกอร์ประมาณ 200 เมตร ซึ่งสถานที่ดังกล่าวเคยเป็นอาคารรับแขกในเรือนจำดังกล่าว ซึ่งในขณะนี้มีรายงานว่ากำลังมีการพิจารณาคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับ อองซาน ซูจี จำนวน 19 คดี จำนวน 6 กระทง โดยศาลเผด็จการเมียนมาตัดสินโทษจำคุกต่อ อองซาน ซูจี ไปแล้วกว่า 11 ปี
นอกจากนี้ ยังมีการคาดว่า วิน มินต์ ประธานาธิบดีเมียนมา ยังถูกพิจารณาคดีในสถานที่เดียวกัน ซึ่งเผด็จการเมียนมาใช้ในการปกปิดการจับตาจากประชาชนภายนอก “อาคารล้อมรอบด้วยรั้วสูง 7 ฟุต และพวกเขายังปิดหน้าต่างห้องด้วยแผ่นพลาสติกสีเขียวที่ใช้ในสถานที่ก่อสร้าง” ทนายความคนแรกกล่าว ทั้งนี้ อองซาน ซูจี จะถูกนำตัวออกจากห้องขังของตน ด้วยรถเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำมายังศาลอย่างน้อย 4 ครั้งต่อสัปดาห์
แม้จะยังไม่มีการทราบแน่ชัดว่า อองซาน ซูจี ถูกกักขังไว้อยู่ที่ใดกันแน่ แต่ทนายความที่เห็นสถานที่กักขังจริงระบุว่า อาคารดังกล่าวมีขนาด 13x14 ฟุต และมีกำแพงล้อมรอบอยู่ภายใน “ในเรือนจำมียุงเยอะมากและมันร้อนมากๆ อยู่ตลอดเวลา เมื่อฝนตกหนัก มันก็จะตกเข้าไปในห้องของเธอด้วย” ทนายความกล่าว
แหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับสภานภายในของเรือนจำระบุกับ Myanmar Now ว่า ห้องขังของ อองซาน ซูจี มีหน้าต่างจำนวน 6 บาน และมีลูกกรงเหล็กติดอยู่ด้วย โดยหน้าต่างจำนวนครึ่งหนึ่งไม่มีผ้าม่านปิด แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า หัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) อย่าง อองซาน ซูจี ไม่ได้บ่นเกี่ยวกับสภาพการเป็นอยู่ดังกล่าว ถึงแม้ว่าเธอจะยังต้องทำการปรับตัวกับสภาพของเรือนจำ ตลอดจนอาหารในแต่ละมื้อ
ยังมีรายงานระบุอีกว่า อองซาน ซูจี ยังถูกห้ามไม่ให้เปิดวิทยุฟัง อย่างไรก็ดี เคยมีการอนุญาตให้เธอเปิดฟังวิทยุมาก่อน ในช่วงหลายปีที่เธอถูกกักขังอยู่ในบ้านโดยคำสั่งของเผด็จการเมียนมาก่อนหน้านี้ โดยจากการรายงานของ BBC เมียนมาเผยว่า สภาทหารได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่เรือนจำหญิง 3 คน คอยเฝ้าจับตา อองซาน ซูจี อยู่ในเรือนจำ และเธอสามารถเข้าถึงการรักษาทางการแพทย์ขณะถูกคุมขังในเรือนจำที่กรุงเนปิดอว์ได้
อย่างไรก็ดี Myanmar Now ระบุว่า ตนไม่สามารถยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าว ถึงสภาพการเป็นอยู่จริงของ อองซาน ซูจี ได้
ในปัจจุบันนี้ อองซาน ซูจี ไม่สามารถออกแถลงการณ์ใดๆ ผ่านทางทนายของตนเองได้ เนื่องจากเผด็จการเมียนมาไม่อนุญาตให้เธอแถลงคำพูดใดๆ ต่อสาธารณชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายหลังการประหาร โก จิมมี่ นักกิจกรรมประชาธิปไตย และ เพียว เซยา ตอว์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมียนมา พรรค NLD ซึ่งทั้งสองเป็นเพื่อนของ อองซาน ซูจี
ทนายความระบุกับ Myanmar Now ว่า อองซาน ซูจี รู้สึก “เสียใจอย่างมากต่อข่าวดังกล่าว” หลังการตายของเพื่อนทั้งสอง ทั้งนี้ ทนายความกล่าวว่า ถึงแม้ว่า อองซาน ซูจี จะยังคงถูกจองจำอยู่ก็ตาม แต่เธอยังคง “สงบนิ่งอย่างน่าอัศจรรย์ใจ” ทนายความของเธอยังกล่าวเสริมอีกว่า “ผมประหลาดใจที่เธอสามารถรักษาทัศนคติเชิงบวกของเธอเอาไว้ได้ แม้แต่ในตอนนี้ก็ตาม”
ที่มา:
