ไม่พบผลการค้นหา
เลขา ครป. ชี้เสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์ พรรคคนรุ่นใหม่ชนะบ้านใหญ่หลายหัวเมืองหลักทั่วประเทศ เฝ้าระวัง 2 ตัวแปรจัดตั้งรัฐบาล

เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) เปิดเผยว่า ทำนายไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้หลังปิดหีบว่าพรรคก้าวไกลจะได้รับคะแนนเสียงถล่มทลาย เพราะแม้แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองและฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่สายปฏิรูปก็ปีนข้ามรั้วมาเลือกเพราะต้องการการเปลี่ยนแปลง อีกนัยหนึ่งก็ต้องการให้พรรคก้าวไกลมาคุมพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล อีกนัยหนึ่ง ชนชั้นกลางที่วูบไหวไปกับสถานการณ์ความขัดแย้งไม่ต้องการได้การเมืองแบบเก่า หรือการแข่งกันของสองขั้วแบบเก่า แต่ต้องการทางเลือกใหม่หรือประชาธิปไตยแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพ

หลายคนคาดไม่ถึงว่าด้วยกฎแห่งความขัดแย้ง วันนี้พรรคก้าวไกลแลนสไลด์นำหน้าพรรคเพื่อไทยไปถึง 10 คะแนนเสียง หากจะนับรวมกันทั้ง 2 พรรค ก็ถือว่าแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดินจริงๆ เพราะเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรถึง 292 เสียง พลังใหม่ของคนรุ่นใหม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาประเทศในทิศทางใหม่ ไม่ติดหล่มอำนาจนิยมตลอด 8 ปีที่ผ่านมาที่รัฐทหาร คสช.สืบทอดอำนาจมา ถือว่าเสียงของประชาชนคือเสียงสวรรค์ (Vox Populi, Vox Dei) อย่างแท้จริงที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับ

โจทย์การเมืองของพรรคก้าวไกลที่ชนะถล่มทลายในครั้งนี้ โดยเฉพาะชนะบ้านใหญ่ในหลายหัวเมืองหลักทั่วประเทศ นอกจากชนะบ้านใหญ่ถล่มทลายในจังหวัดระยอง สมุทรปราการ ชลบุรี และเชียงใหม่แล้ว ยังแลนสไลด์ยึดครองกรุงเทพฯ และปริมณฑล เบ็ดเสร็จ แต่ด้วยความเป็น ส.ส.หน้าใหม่ ต่อไปการทำงานพื้นที่อาจจะต้องขอความร่วมมือทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนา อาจมีปัญหาขัดแย้งทะเลาะกันบ้างในพื้นที่ก็ต้องขออนุญาตบ้านใหญ่ปล่อยให้ลูกหลานได้ทำงานบริหารชาติบ้านเมืองตามแนวทางที่ได้หาเสียงไว้ เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไป พรรคก้าวไกลจึงต้องแก้ปัญหาว่าจะสร้างความร่วมมือกับทุกฝ่ายในพื้นที่ได้อย่างไร

วันนี้ชัดเจนแล้วว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทย โดยสูตรจัดตั้งรัฐบาลคือ รวมพรรคฝ่ายค้านเดิมทั้งหมดจะได้ 309 เสียง ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะได้เพียง 191 เสียงเท่านั้น ถือว่าชนะในสภาผู้แทนราษฎรอย่างถล่มทลาย ซึ่ง ส.ว.ส่วนใหญ่ จะต้องโหวตตามเจตจำนงค์ของประชาชนอย่างแน่นอน ไม่อาจบิดพลิ้วเป็นอื่นไปได้ เพราะไม่เช่นนั้น ไม่สามารถเชิดหน้าชูตาอยู่ในสังคมไทย พรรคการเมืองต่างๆ จึงไม่พะวงในเรื่องนี้เท่าไหร่แล้ว

แต่กระแสในพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ก็ยังอยากร่วมรัฐบาลอยู่ไม่น้อย และรอเทียบเชิญทุกถนนหนทาง เพราะหากนำพรรคใดพรรคหนึ่งเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ก็แทบจะไม่ต้องพึ่งเสียง ส.ว.เลย 

นับจากนี้ไปจึงมีตัวแปรสำคัญ 2 เรื่องที่ต้องติดตามกันคือ ตัวแปรที่ 1 กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี มีคดีถือหุ้นสื่อที่ถูกร้องค้างไว้ ซึ่งพรรคเชื่อว่าจะชนะคดีเพราะเคยยื่นเมื่อปี 62 แล้วในฐานะผู้จัดการมรดก แต่กกต.คงยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยภายใน 40-50 วันนี้

ตัวแปรที่ 2 อาจมีดิวพิเศษ โดยพรรคเพื่อไทยอาจเสนอว่าขอดึงพรรคพลังประชารัฐมาร่วมรัฐบาลอีก 40 เสียง เนื่องจากหลายคนเป็นพรรคพวก โดยขอให้พล.อ.ประวิตร ลาออกจากหัวหน้าพรรค และให้น้องชายคือ พล.ต.อ.พัชรวาท ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแทน ซึ่งเป็นเงื่อนไขพิเศษเพื่อดึงเสียง ส.ว. มาสนับสนุน และข้อตกลงว่าด้วยการปรองดองก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน