ไม่พบผลการค้นหา
‘พริษฐ์’ เคารพจุดยืนพรรคอื่นต่อ ม.112 วอนอย่าบิดเบือน ย้ำ ‘ก้าวไกล’ ไม่ยกเลิก เพียงเสนอแก้อัตราโทษ-จำกัดผู้ฟ้อง-วางแนวบังคับใช้ให้ชัด ยันเป็นไปตามระบอบการปกครองประเทศ

วันที่ 26 ต.ค. 2565 พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้อำนวยการการสื่อสารและรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่พรรคก้าวไกล ถึงกรณีหลายพรรคการเมืองแถลงจุดยืนต่อการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 

พริษฐ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ต.ค. พรรคก้าวไกล เปิดตัวนโยบาย 17 ข้อพัฒนาประชาธิปไตยไทย จนตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลายพรรคการเมืองแสดงความเห็นคัดค้านนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 

โดยเข้าใจว่าเป็นประเด็นละเอียดอ่อน แต่ละคนมีความเห็นแตกต่างหลากหลาย พรรคก้าวไกล เคารพสิทธิทุกพรรค แต่ที่ต้องชี้แจงเนื่องจากว่า หลายพรรคให้เหตุผลถึงการแก้ไข มาตรา 112 พบว่าคลาดเคลื่อนหรือบิดเบือนเหตุผลของพรรคก้าวไกล เช่น การย้ำว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีกฎหมายคุ้มครองประมุข เพราะข้อเสนอของพรรคก้าวไกลไม่ได้ทำให้ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง แต่เพื่อให้ทำหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้น ในการรักษาความสัมพันธ์กับประชาชน ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

พรรคก้าวไกล มองเห็น 3 จุดสำคัญที่มีปัญหา จึงต้องการแก้ไข ได้แก่

 1. ลดอัตราโทษ เนื่องจากปัจจุบันมีโทษจำคุก 3-15 ปี เป็นโทษหนักเท่ากับการฆ่าคนโดยไม่เจตนา และสูงกว่าโทษในกฎหมายหมิ่นประมาทสถาบันในประเทศอื่น จึงเสนอให้เป็นโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งถือว่ายังสูงกว่าโทษหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา 

2. กำหนดผู้ฟ้องให้ชัดเจน เพราะเมื่อใครฟ้องก็ได้ ก็อาจส่งผลต่อสถาบันได้หลายกรณี จนทำให้สถาบันกลายเป็นคู่กรณีโดยอัตโนมัติ แม้ในบางกรณีสถาบันอาจไม่ได้รับรู้ก็ตาม และบางกลุ่มอาจนำชื่อสถาบันไปแอบอ้างต่อผลประโยชน์ตนเอง เช่น การอ้างในโครงการเพื่อไม่ให้บุคคลอื่นกล้าตรวจสอบ ดังนั้น พรรคก้าวไกลจึงเสนอให้สำนักพระราชวังเป็นผู้มีสิทธิร้องทุกข์กล่าวโทษแต่เพียงผู้เดียว 

3. วางขอบเขตการบังคับใช้ให้ชัดเจน โดยให้คุ้มครองการยกเว้นความผิดที่เป็นความจริงหรือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ

“จะเห็นว่าข้อเสนอของพรรคก้าวไกล ไม่ได้ทำให้การหมิ่นประมาทสถาบันถูกกฎหมาย ไม่ได้ทำให้ปราศจากกฎหมายคุ้มครองสถาบัน ไม่ได้ทำให้ประเทศเราเป็นอะไรนอกเหนือจากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” พริษฐ์ กล่าว