ไม่พบผลการค้นหา
‘ชวน’ ย้ำ “เป็นหนี้ กยศ. ต้องใช้คืน” เพื่อรัฐหมุนเวียนให้รุ่นน้อง ถือเป็นความสุจริต เผยเป็นนักการเมืองรุ่นใหญ่ ห่วงบางพรรคใช้เงินสร้างอำนาจ เปิดทางคอร์รัปชัน เข้าสภามาถอนทุน

วันที่ 2 ก.ย. 2565 ที่รัฐสภา ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเปิดงานและบรรยายพิเศษหัวข้อ ‘ประเทศรุ่งเรือง เมื่อบ้านเมืองสุจริต’ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ตนเป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ได้รับการเลือกตั้งต่อเนื่องถึง 16 สมัย จึงได้เห็นบ้านเมืองด้วยตาตนเอง และประจักษ์ว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไร หรือการเมืองเป็นเช่นไร มิใช่การรู้จากคำบอกเล่าของผู้อื่น เมื่อปี 2512 ตนได้รับการเลือกตั้งครั้งแรก ซึ่งสมัยนั้นเท่าที่ทราบยังไม่มีการใช้เงินเพื่อซื้อเสียงเลือกตั้ง แต่พบว่ามีผู้ลงสมัครเลือกตั้งบางคน บางจังหวัดแจกอาหารข้าวของให้ประชาชน 

ในฐานะที่ตนอยู่บนเส้นทางการเมืองมานานกว่า 50 ปี เคยดำรงตำแหน่งทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ตนจึงเป็นห่วงบ้านเมืองว่านักการเมืองทำการเมืองแบบไม่สุจริต โดยเฉพาะในลักษณะของ ‘ธุรกิจการเมือง’ คือการใช้เงินปูทางขึ้นมาสู้อำนาจ ซึ่งถือเป็นการทุจริตอย่างหนึ่ง และการทุจริตในลักษณะเช่นนี้ ย่อมเอื้อต่อการทุจริตคอร์รัปชันในทุกระดับและในแทบทุกภาคส่วน เพราะนักการเมืองย่อมอาศัยกลไกในระบบราชการและเครือข่ายในภาคส่วนธุรกิจ เป็นเครื่องมือสำคัญในการเข้ามาถอนทุน ผลเสียหายต่อบ้านเมืองและการพัฒนาประเทศย่อมมีมากมายมหาศาล 

ชวน กล่าวต่อไปว่า ดังนั้น การแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างยั่งยืน จะต้องเริ่มต้นที่การสร้างบ้านเมืองให้สุจริต ไม่ใช่แค่ทำการเมืองให้สุจริตเท่านั้น แต่จำเป็นต้องกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคการเมือง ให้เห็นความสำคัญของการเมืองที่ยึดหลักคุณธรรมและหลักธรรมาภิบาล หลักนิติธรรม นิติรัฐ หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า โดยตนขอเพิ่ม หลักความไม่เกรงใจต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไว้เป็นค่านิยมใหม่อีกข้อหนึ่ง 

“ในสมัยที่ผมดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ผมทราบว่าต่อให้มีการสร้างมหาลัยในพื้นที่ต่างจังหวัด แต่ถ้าครอบครัวยากจน เด็กก็ไม่ได้ศึกษาต่อ ผมจึงได้ออกนโยบายกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ขึ้นมา ส่วนหนึ่งมาจากการเข้าใจความยากลำบากของประชาชน จึงออกนโยบายช่วยเหลือเด็กด้านการศึกษา อย่างไรก็ตามเมื่อผู้ได้รับเงินกยศ. จบการศึกษาและมีงานทำแล้ว ก็ควรที่จะใช้เงินทุนคืน เพื่อให้รัฐนำเงินทุนนั้นไปมอบต่อไปให้เด็กๆ รุ่นต่อไป สิ่งนี้ก็เป็นความสุจริตประการหนึ่ง” ชวน กล่าว