เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 ต.ค. 2566 ที่รัฐสภา เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะทำงานพิเศษเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศ กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี กระแสข่าว สส.กทม. ฝั่งธนบุรี พรรคก้าวไกลรายหนึ่ง คุกคามทางเพศ ที่ได้มีการเชิญผู้เสียหาย เข้ามาให้ข้อมูลต่อพรรคเพิ่มเติมในวันนี้ ว่า กรณีนี้เป็นกรณีล่าสุดที่พรรคก้าวไกลทราบเรื่อง จึงได้มีการติดต่อทางผู้ร้องเรียนและผู้เสียหาย ทั้ง 3 คน ซึ่งเมื่อได้ติดต่อกันแล้ว ทางผู้ร้องเรียนได้เข้ามาให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมไปแล้ว 2 คน และในวันนี้ผู้ร้องเรียนอีก 1 คน จะเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ในส่วนสภาพจิตใจของผู้ร้องเรียนและผู้เสียหายนั้น
เบญจากล่าวอีกว่า ทุกคนมีความกังวลและไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ที่จะต้องกลายมาอยู่ในพื้นที่สาธารณะเช่นนี้ เพราะอาจจะนำไปสู่การถูกละเมิดและคุกคามซ้ำ หลังจากมีข่าว ซึ่งพรรคก้าวไกลเองก็มีความกังวล และต้องระมัดระวังในการให้ข้อมูล ยืนยันว่า ไม่ได้มีการปกปิดแต่อย่างใด ดังนั้น เราจึงอยากให้ผู้ร้องเรียนและผู้เสียหายมีความสบายใจในการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งเมื่อยกระดับเรื่องนี้ให้เป็นวาระทางสังคมแล้ว ตนหวังว่าสังคมจะเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น
“พอสื่อมวลชนมีการติดตาม และสอบถามข้อมูลจากผู้ร้องเรียนและผู้เสียหายมากขึ้น มันมีความกังวลจริงๆ เช่นกัน ว่า ผู้เสียหายท่านอื่นๆ ที่ตกอยู่ในภาวะเช่นนี้ อาจจะไม่กล้าที่จะออกมายืนอยู่ต่อหน้าสื่อหรือสาธารณชน และไม่กล้าให้ข้อมูลต่างๆ” เบญจา กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการดำเนินคดีในกรณีนี้หรือไม่ น.ส.เบญจา กล่าวว่า ผู้เสียหายค่อนข้างให้ความไว้วางใจในกระบวนการสอบสวนหาข้อเท็จจริงของพรรค ซึ่งผู้ร้องเรียนและผู้เสียหายให้การยืนยันว่า จะไม่ดำเนินคดีในเรื่องนี้แต่อย่างใด
เมื่อถามว่า จะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ น.ส.เบญจา กล่าวว่า หลังจากการสอบสวนเพิ่มเติมจากผู้ร้องเรียนคนที่ 3 ทางกรรมการวินัยชุดพิเศษและชุดเต็ม จะมีการหารือกันในวันนี้ว่า จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่ายโดยเร็วที่สุด ย้ำว่า เราจะดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด
เมื่อถามถึงกรณีคุกคามอื่นๆ มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง น.ส.เบญจา กล่าวว่า แต่ละเรื่องค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนและระมัดระวังแตกต่างกันไป อย่างกรณีจ.ปราจีนบุรี จะมีการพิจารณาทางวินัยและต้องขอข้อมูลจากผู้ร้องเรียนและผู้เสียหายเพิ่มเติม ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับผู้เรื่องเรียนว่าจะมีความพร้อมทางด้านจิตใจและสะดวกในการให้ข้อมูลกับกรรมการวินัยเพิ่มได้วันไหน ต้องให้ความเป็นธรรมกับทางผู้ร้องเรียนด้วย
ส่วนกรณีรายที่ 4 นี้ ยังอยู่ในกระบวนการสืบหาข้อเท็จจริง ตนคิดว่าเป็นไปโดยเร็วที่สุดแล้ว เพราะผู้ร้องเรียนได้ติดต่อเข้ามาเพื่อให้ข้อมูลเอง
เมื่อถามว่า หากสอบสวนแล้วมีความผิดจริง จะมีการลงโทษอย่างไรต่อไป น.ส.เบญจา กล่าวว่า หากมีเรื่องการกระทำความรุนแรงทางเพศเกิดขึ้นจริงในพรรค เรายืนยันว่า เป็นการกระทำความผิดอย่างร้ายแรง ซึ่งเราจะไม่ปกปิด ไม่เข้าข้างสมาชิกองค์กรเดียวกัน และพร้อมที่จะถูกตรวจสอบจากสาธารณชน และสื่อมวลชน แต่พรรคก้าวไกลก็มีข้อบังคับของพรรคที่ต้องดำเนินการลงโทษตามสัดส่วน ซึ่งคงต้องรอทางกรรมการวินัยสรุปข้อเท็จจริงเป็นผลการวินิจฉัยก่อน เบื้องต้นคงจะมีการระบุว่าจะมีการลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างไร และจะมีการนำเสนอต่อกรรมการบริหารต่อไป
“ยืนยันว่า ณ วันนี้ ผู้ถูกกล่าวหายังไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด เราต้องมีระบบการคุ้มครองทั้งผู้ถูกกล่าวหา และผู้ร้องเรียนด้วย” เบญจา กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่มีสส. ของพรรคบางคนออกมาเปิดเผยว่ามีบุคคลบางกลุ่มพยายามทักข้อความส่วนตัวมานั้น จะถือว่าเป็นการดิสเครดิตทางการเมืองหรือไม่ น.ส.เบญจา กล่าวว่า ก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะเมื่อเรายกระดับเรื่องนี้ และทำหน้าที่ในการตรวจสอบแล้ว เราก็ต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนตรวจสอบเราด้วยเช่นกัน
เมื่อถามว่า หากวินิจฉัยแล้ว กระทำผิดจริง ผู้กระทำความผิดจะมีการออกมาแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ เบญจา กล่าวว่า หลังจากนี้ ผู้กระทำความคงต้องมีมาตรการการออกมายอมรับผิด และขอโทษต่อสาธารณชน