เลือกตั้ง
‘ชัชชาติ’ สำรวจจราจรเมืองกรุงฯ ผุดไอเดีย 'เชื่อมต่อแก้รถติด'
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่คลองสามวา พร้อมผู้สมัครเขต นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เบอร์ 6 โดยนายชัชชาติและนายจิรายุ ได้ขึ้นกระเช้าตรวจดูการจราจร บริเวณห้าแยกลำกระโหลก ซึ่งปัจจุบันมีประชาชนใช้สัญจรจำนวนมาก ทำให้มีปัญหาเรื่องการจราจรติดขัด
นายชัชชาติ กล่าวภายหลังสำรวจพื้นที่ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากพื้นที่คลองสามวามีการขยายตัวของจำนวนประชากรมากขึ้นประมาณ 200,000 คน ถือเป็นอันดับ 2 ของกทม. เนื่องจากประชาชนได้ย้ายที่อยู่อาศัยบริเวณชานเมืองมากขึ้น เพราะการกระจุกตัวในพื้นที่ชั้นใน
อย่างไรก็ดีสำหรับแนวทางการแก้ปัญหานายชัชชาติ ระบุว่า พื้นที่แห่งนี้มีรถไฟฟ้า 3 สาย แต่ประเด็นสำคัญคือจะทำอย่างไรที่จะให้ประชาชนเข้าถึงและเชื่อมต่ออย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงเห็นว่าต้องมีสอง 2 แนวทางที่รองรับ คือ 1.การอำนวยความสะดวก ยกตัวอย่างเช่น รถเมล์ชัตเตอร์บัต และสะพานข้ามแยก ที่คอยเชื่อมโยงไปยังรถไฟฟ้าสายต่างๆ 2.การหาพื้นที่จอดรถ ขนาดใหญ่รองรับ
ทั้งนี้การจะแก้ปัญหานายชัชชาติ กล่าวว่า ต้องกำหนดนโยบายอย่างรัดกุม ด้วยการศึกษาข้อมูลในภาพรวม และการร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลในเชิงโครงสร้างกับ กทม. เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาได้จริงส่วนความมั่นใจต่อตัวผู้สมัครในพื้นที่
นายชัชชาติ มั่นใจว่านายจิรายุ จะสามารถเอาชนะการเลือกตั้งในเขตคลองสามวาได้ เนื่องจากเป็นบุคคคลที่มีความสามารถ และลงพื้นที่รับฟังปัญหาของประชาชนตลอด โดยในวันนี้เปรียบเสมือนการลงมาดูงาน หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะเร่งดำเนินการแก้ปัญหาทันที
ด้านนายจิรายุ กล่าวว่า ได้เสนอให้นายชัชชาติ บรรจุเป็นนโยบายแก้ไขปัญหาไว้ให้คนชานเมือง หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ต้องเร่งเพิ่มส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีชมพูอีกเพียง 5 กิโลเมตร ให้มาถึงถนนนิมิตรใหม่พื้นที่เขตคลองสามวา เพื่อรับคนนับแสนคนในโซนดังกล่าว นอกจากนี้ปัญหาเรื่อง รถเมล์ ขสมก.ควรวิ่งให้ครอบคลุมในพื้นที่ชานเมืองด้วยรูปแบบ รถเมล์ ขสมก.ขนาดเล็กแบบ “ไมโครบัส” เพื่อเสริมให้คนชานเมืองได้ใช้บริการสาธารณะ มากยิ่งขึ้น
โดยในวันนี้คณะของนายชัชชาติจะเดินทางตรวจดูปัญหาการเดินทางในพื้นที่กรุงเทพชั้นใน โดยเริ่มเดินทางด้วยรถเมล์บริเวณหน้าราบ 11 ไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต เพื่อเดินทางไปที่จุดสุดท้ายคือสถานีสยาม
ผุดไอเดีย 'แก้วิกฤติคมนาคมคนกรุง' ใช้ตั๋วร่วม ลดค่าใช้จ่าย
ต่อมา นายชัชชาติ พร้อมผู้สมัครเขตบางเขน ดอนเมืองและหลักสี่ อาทิ นายอนุสรณ์ ปั้นทอง นายการุณ หงษ์สกุล และนายสุรชาติ เทียนทอง ได้เดินทางโดยรถเมล์จากหน้ากรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต ก่อนสิ้นสุดจุดสุดท้ายที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม เพื่อสำรวจปัญหาการจราจรของคนกรุง
โดยระหว่างเดินทางนายชัชชาติ ได้เดินพบปะและสอบถามผู้ใช้บริการขนส่งสาธาณะ ซึ่งต่างสะท้อนว่าจุดเชื่อมโยงด้านการเดินทางประสบปัญหาติดขัด อีกทั้งต้องเผชิญกับราคาค่าโดยสารที่สูง จึงฝากให้นายชัชชาติมาช่วยแก้ไข นอกจากนี้ประชาชนยังได้กล่าวให้กำลังใจและขอถ่ายภาพร่วมกับอดีตรมว.ด้วย
สำหรับการแก้ปัญหาด้านการขนส่งนั้น นายชัชชาติ เห็นว่าหลังจากลงพื้นที่พบว่ามีการก่อสร้างหลายโครงการ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อค่าโดยสารที่สูงขึ้น และมีเจ้าของในหลายโครงการ อาทิ บางโครงการเป็นของกทม. บางโครงการเป็นของรฟม. อีกทั้งการที่ประชาขนต้องเดินทางการหลายต่อก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญ ซึ่งนโยบายเพื่อไทย มีแนวคิดที่จะรวมให้มีการจัดการเพียงหนึ่งเดียว อย่างไรก็ตามก็เป็นเรื่องยากเพราะมีการเปิดสัมปทานโครงการ ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องศึกษาในจุดนี้ เพื่อหาทางออกในควบคุมค่าใช้จ่าย ให้เหมาะสมต่อประชาชนที่สุด
นอกจากนี้อีกหนึ่งปัญหาสำคัญคือปัญหารถเมล์ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางของคนกรุงฯ เปรียบเสมือนเส้นเลือดฝอยที่จะเชื่อมโยงทุกพื้นที่ แต่ปัจจุบันมีปัญหาซึ่งจุดนี้ต้องเร่งรัด อย่างน้อยต้องมีรถเมล์ 4,000 คัน ซึ่งจะเป็นรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรถเมล์ต้องมีสองขนาด แยกเป็นขนาดปกติและขนาดเล็ก เพื่อจะใช้ในพื้นที่ให้เหมาะสม และต้องเปลี่ยนแปลงให้มีการใช้ตั๋วร่วมโดยใช้ใบเดียวเพื่อไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า ซึ่งรถเมล์ปัจจุบันมีประมาณ 214 สาย และหลายสายวิ่งทับเส้นทางกัน เช่น ลาดพร้าวประมาณ 20 สาย อนาคตถ้ามีตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ เราสามารถขึ้นเมล์ต่ออีกสายโดยไม่คิดค่าโดยสารเพิ่ม และกำหนดราคาไม่เกิน 15-20 บาท
“หัวใจสำคัญคือ ปัจจุบันประชาชนไปอยู่ชานเมืองเยอะขึ้น เพราะค่าที่ดินในตัวเมืองแพง ซึ่งจะทำให้เสียทั้งเวลาเสียงทั้งเงิน ก็จะเป็นภาระหนักต่อไป ดังนั้นพรรคเพื่อไทยต้องเร่งดำเนินการตรงนี้ถ้าเราเข้ามาเป็นรัฐบาล” อดีตรมว.คมนาคม กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
