เว็บไซต์ The New York Times รายงานว่า หลังจากทางการฝรั่งเศสประกาศทำสงครามกับโควิด-19 ตลอดช่วงเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา แรงงานต่างชาติหลายร้อยคนคือผู้ที่ทำหน้าที่ประจำอยู่ 'ด่านหน้า' ในการรับมือกับวิกฤตโควิด-19 และเป็นส่วนสำคัญในการทำให้สถานการณ์การระบาดนั้นดีขึ้น ซึ่งมาร์แลน แชปปา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ได้ทุ่มเททั้งเวลาและการทำงานอย่างหนักเผชิญความเสี่ยงขั้นสูงในการรับมือกับโรคระบาดเพื่อความอยู่รอดของประเทศฝรั่งเศส ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าฝรั่งเศสจะตอบแทนพวกเขาอย่างไร 

รัฐบาลของฝรั่งเศสตระหนักถึงประเด็นนี้มาล่วงหน้าหลายเดือน จนกระทั่งมีการระบาดระรอกที่ 2 ของโควิด-19 ขึ้นในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา จึงได้เริ่มต้นกระบวนการให้สัญชาติกับชาวต่างชาติที่ต้องทำงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และในที่สุดก็มีการประกาศออกมาในวันที่ 22 ธ.ค.ว่าขณะนี้ มีแรงงานต่างชาติอย่างน้อย 693 คนที่กำลังเข้าสู่กระบวนการขอสัญชาติแบบเร่งด่วน หรือ Fast Track ในขั้นตอนสุดท้าย ขณะที่แรงงานต่างชาติราว 70 คนได้รับสัญชาติฝรั่งเศสเรียบร้อยแล้ว ซึ่งพวกเขารู้สึกว่านี่เป็นเสมือนวิธีการยกย่องการทำงานเพื่อส่วนร่วมอย่างหนึ่งจากภาครัฐ

กลุ่มแรงงานข้ามชาติที่เข้าข่ายได้รับสิทธิขอสัญชาติฝรั่งเศสแบบเร่งด่วนนี้ไม่ได้ครอบคลุมแค่กลุ่ม 'บุคลากรทางการแพทย์' เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาชีพอื่นๆ มากมาย เช่น พนักงานเก็บขยะ พนักงานทำความสะอาด และพนักงานแคงเชียร์ ฯลฯ

โดยปกติแล้ววิธีการได้มาซึ่งสัญชาติฝรั่งเศสมีหลายทาง เช่น การแต่งงาน การเกิดในประเทศฝรั่งเศส การมีพ่อแม่เป็นชาวฝรั่งเศส และวิธีการขอรับสัญชาติที่เรียกว่า 'Naturalization' ซึ่งในกรณีการเร่งกระบวนการมอบสัญชาติให้แรงงานที่ช่วยต่อสู้กับโควิด-19 นั้น ผู้ขอสัญชาติต้องเป็นคนที่อยู่ในฝรั่งเศสมาแล้วมากกว่า 5 ปี หรือ 2 ปีสำหรับแรงงานต่างชาติที่จบการศึกษาในประเทศฝรั่งเศส มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งและถูกพิจารณาแล้วว่าได้ปรับตัวเข้าสู่การเป็นส่วนหนึ่งของสังคมฝรั่งเศส

ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา จำนวนชาวต่างชาติที่ได้รับสัญชาติฝรั่งเศสนั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีกระบวนการที่ยุ่งยากซับซ้อน ผู้ที่ต้องการขอสัญชาติฝรั่งเศสจะต้องดำเนินเรื่องยาวนานหลายปี โดยตัวเลขสถิติจาก National Institute of Statistics and Economic Studies ชี้ว่าในปี 2562 มีผู้ได้รับสัญชาติฝรั่งเศสเพียง 48,000 คนเท่านั้น คิดเป็นอัตราส่วนที่น้อยกว่าปี 2558 ถึง 18 เปอร์เซ็นต์ 

ทั้งนี้ ฝรั่งเศสต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างหนักในการรับมือกับการระบาดของโควิด-19 โดยจนถึงปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 60,000 ราย และมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากเกือบ 2.5 ล้านคน การลดลงของอัตราการติดเชื้อยังช้ากว่าที่ทางการตั้งเป้าไว้ เป็นเหตุให้รัฐบาลฝรั่งเศสยืนยันที่จะคงมาตรการเข้มงวดและการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ไว้ต่อไป