วันที่ 20 ก.ย. ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ตนได้พยายามติดต่อคนที่จะมาเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ โดยได้คุยถึงหลักการที่จะแก้ไขให้สำเร็จ และเสร็จภายใน 4 ปีที่เป็นรัฐบาล หรือ 3 ปี ถึง 3 ปีครึ่งก็แล้วแต่ ยืนยันว่าจะทำให้เร็วที่สุด
โดยการเรียนเชิญผู้ที่เป็นคณะกรรมการ เราได้แจ้งว่าอยากให้ปมการขัดแย้งเดิมๆสลายไป และไม่อยากสร้างปมขัดแย้งใหม่ขึ้นมา ซึ่งนี่เป็นหลักการ โดยจะใช้วิธีการให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเพื่อดำเนินการทำประชามติ
ทั้งนี้ ตนคาดว่าภายใน 3-4 เดือนหรืออาจจะเร็วกว่านั้นในการที่จะทำให้เกิดประชามติ เพราะการทำประชามติ ถ้า ครม. มีมติชัดเจนก็จะทำให้กระบวนการรองรับและดำเนินการไปได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องหารือส่วนที่เกี่ยวข้องให้ทราบเหตุและผล เพราะไม่อยากให้มีประชามติและร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ผ่าน
เมื่อถามย้ำว่า การทำประชามติจะทำทั้งฉบับหรือรายมาตรา ภูมิธรรม ระบุว่า ตามนโยบายรัฐบาลประกาศไว้ชัดเจนแล้วว่าจะยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยคงมาตราหมวด 1-2 ไว้ และไม่แตะในเรื่องพระราชอำนาจ ที่อยู่ในมาตราต่างๆ แต่นอกนั้นทำได้หมด เพื่อทำอย่างไรให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะไปดูเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติ หรือหลายๆอย่างที่เขียนมาแล้วจะเป็นอุปสรรต่อรวามเป็นประชาธิปไตยและการบริหารราชการแผ่นดิน
ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าว จะมีตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ตัวแทนวิชาชีพ iLaw รวมถึงภาคประชาสังคมมา ร่วมด้วย และก็อยากจะเรียนเชิญสมาคมนักข่าว สมาคมทนายความ นักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิหลายๆด้าน ซึ่งบางคนได้ติดต่อไปและตอบรับเรียบร้อยแล้ว พร้อมเผยว่าถ้าจะให้ชัดเจนและเร็วที่สุด วันอังคารที่ 26 กันยายน ก็จะสามารถนำเสนอครม. เพื่อให้นายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตั้งได้ หรือถ้าช้าอีกหน่อย ก็อาจจะเป็นสัปดาห์ถัดไป แต่ตอนนี้ต้องรวบรวมรายชื่อและทุกฝ่ายให้เข้าใจและเห็นตรงกันก่อน โดยรายชื่อในคณะกรรมการต่างๆเท่าที่ดูประมาณเกือบ 20-30 คน เพราะตนไม่อยากให้เป็นคณะที่ใหญ่เกินไป เพื่อให้การทำงานมีความคล่องตัว
ส่วนผู้ที่จะทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการดังกล่าวก็คือตน ตามมติของคณะรัฐมนตรี ส่วนรายชื่อเลขาธิการนั้น ขอพิจารณาจากรายชื่อทั้งหมดก่อน
ส่วนกรอบระยะเวลาการทำงาน คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 เดือน โดยไม่ได้คิดที่จะยืดเวลา แต่ถึงอย่างไรขอพูดคุยในการประชุมครั้งแรกก่อน ถึงจะเห็นกรอบที่ชัดเจน จากนั้นก็จะวางไทม์ไลน์ เพราะมันต้องมีหลายขั้นตอน ทั้งยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รวมถึงแก้กฎหมายในสภา ซึ่งก็จะดำเนินการทันที แต่ยืนยันว่าหลังจากแก้รัฐธรรมนูญและมีกฎหมายลูก ภายในไม่เกิน 3-4 ปี ถ้าจะได้ก็จะจบ เพื่อให้ทันการเลือกตั้งสมัยหน้าที่จะมีขึ้น
เมื่อถามย้ำว่า หากแก้รัฐธรรมนูญจบ รัฐบาลจะยุบสภา หรืออยู่ตนครบวาระ ภูมิธรรม กล่าวว่า ขอดูรายละเอียดก่อน แต่คิดว่าเราจะทำให้เข้าสู่กระบวนการปกติให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่า สังคมทวงถามแก้รัฐธรรมนูญเสร็จจะยุบสภาเลยหรือไม่ ภูมิธรรม ย้ำว่า ขอคุยกับคณะกรรมการชุดดังกล่าวที่กำลังจะเกิดขึ้นก่อน เพราะหากตอบในตอนนี้ ก็จะเป็นความเห็นของตนเพียงคนเดียว เนื่องจากตนอยากให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมให้มากที่สุด การคุยและวางไทม์ไลน์ให้ชัดและโปร่งใส
เมื่อถามย้ำว่า การแก้รัฐธรรมนูญมีการถูกมองว่าเป็นการประวิงเวลาหรือไม่
ภูมิธรรม ยืนยันว่า ไม่มีการประวิงเวลา เพราะการที่เราให้ ครม.ทำประชามติสะท้อนชัดเจนแล้ว ว่าเรารีบแต่ถ้าเราอยากจะประวิงเวลาก็โยนเข้ารัฐสภาและไปถกกันอีกยาวนานก็จะมีปัญหา หรือ ให้ประชาชนส่งข้อเสนอเข้ามาก็อาจจะใช้เวลานานอีก ฉะนั้นเราแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนแล้ว ว่าสิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้นในรัฐบาลเราอย่างแน่นอน เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือกรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด
ภูมิธรรม กล่าวถึงปัญหาการแบ่งงานภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ก่อนหน้านี้ ไชยา พรหมมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะให้ ภูมิธรรม ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงและเป็นผู้จัดการรัฐบาล เป็นผู้เจรจา ว่า ที่บอกว่าให้ผู้จัดการรัฐบาลเป็นผู้จัดการตนไม่ทราบว่าหมายถึงใคร เนื่องจากตนก็ไม่ใช่ผู้จัดการรัฐบาล ตนเป็นเพียงผู้ประสานงานให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้เท่านั้น ซึ่งจากที่ฟังจาก ไชยา และ อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการประชุม ครม.ครั้งที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้พูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากไปปฏิบัติหน้าที่ และคิดว่าจะหารือกับท่าน
แต่จริงๆแล้วเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการ แต่รัฐบาลชุดนี้เรามองว่า เป็นรัฐบาลที่ผสมกลมกลืนกัน ก็จะต้องหารือกันว่าเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่ทราบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เอง ก็ยังไม่ทราบในรายละเอียด และขอดูรายละเอียดอีกครั้งก่อน ว่าจะสามารถปรับอย่างไรได้บ้าง
ส่วนถ้าปรับไม่ได้ จะเป็นปัญหาในการทำงานหรือไม่นั้น ภูมิธรรม ระบุว่า ขอคุยก่อนดีกว่า อย่าไปถ้า เพราะจะสร้างความหมดหวังไว้ในตัวจะไม่ดี
เมื่อถามว่า ที่ ร.อ.ธรรมนัส ออกมาระบุว่าจะไม่มีการปรับเป็นการแบ่งงานในกระทรวง ภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อได้รับฟังว่ามีปัญหา และมีความต้องการ เมื่อท่านมีอำนาจโดยตรง ก็ต้องหารือกับท่าน ส่วนจะมีเหตุผลอย่างไรก็ขอให้พูดคุยกันก่อน
ภูมิธรรม กล่าวถึงกรณีภายหลังจากที่รัฐบาลลดราคาน้ำมันดีเซล กระทรวงพาณิชย์จะมีมาตรการช่วยเหลือในการลดราคาสินค้าประเภทต่างๆเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ว่า ตนได้พูดคุยกับทางกรมการค้าภายในและปลัดกระทรวงพาณิชย์แล้ว ว่าเรื่องราคาน้ำมันของรัฐบาล นอกจากเป็นปัญหาเรื่องค่าครองชีพของประชาชน ยังส่งผลกระทบต่อเรื่องต้นทุนของสินค้าด้วย
โดยเฉพาะในเรื่องต้นทุนราคาสินค้า และค่าขนส่ง ที่ใช้เชื้อเพลิง เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็คาดว่าจะสามารถลดได้ โดยได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในดำเนินการภายใน 15 วัน แต่ขณะนี้ยังไม่ครบกรอบเวลา ตนคาดว่าต้นเดือนตุลาคมจะมีความชัดเจน ซึ่งได้มอบหมายให้ไปดูสินค้าประเภทต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน ดูว่าสินค้าประเภทไหนมีต้นทุนอย่างไรและจะสามารถแก้ไขลดได้แค่ไหนอย่างไรบ้าง
ภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ในช่วงสัปดาห์หน้า ตนจะพูดคุยกับผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ทยอยพูดคุยกับผู้ประกอบการบางส่วนไปบ้างแล้ว ทั้งในส่วนผู้ผลิต ซึ่งก็ได้พูดคุยตามกรอบนโยบายที่ตนเคยให้ไว้ ที่คนตัวใหญ่ต้องช่วยดึงคนตัวเล็ก ให้ขึ้นไปด้วยกัน เพื่อสร้างความสมดุลให้กับผู้ประกอบการและผู้บริโภค และไม่ส่งผลกับประชาชน หาจุดที่ประนีประนอมกันได้
โดยคาดว่า ตัวสินค้าที่จะได้รับการพิจารณา ก็จะเป็นสินค้าประเภทข้าว เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ และจะดูเพิ่มเติมอีกประมาณ 20 รายการ นอกจากนี้ยังจะดูเพิ่มเติมว่าสินค้าตัวไหนที่เป็นปัญหา โดยจะดำเนินการลดราคาต้นทุน ให้อย่างเป็นรูปธรรม
ภูมิธรรม มั่นใจว่า ภายใต้นโยบายของตน ในเรื่องการสร้างความสมดุลให้กับทุกฝ่ายน่าจะมีทางออกได้ในการแก้ไขปัญหานี้