วันที่ 6 ก.พ. 2566 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และสนธิญา สวัสดี พร้อมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เพื่อดำเนินเอาผิด วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน อดีตประธานยุทธศาสตร์แผนงานต้านคอร์รัปชั่นพรรคเสรีรวมไทย และเอกลักษณ์ วาลีชล ที่ผู้เสียหายที่อ้างว่ส เสกสกล ได้มีการเรียกรับเงิน จำนวน 2 ล้านบาท เพื่อดำเนินการวิ่งเต้นให้ชนะการประกวดราคา โครงการของรัฐ มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ซึ่งเจ้าตัวได้ไปร้องเรียนกับ วีระ หลังอ้างว่าข้อตกลงไม่เป็นไปตามสัญญส มีการทวงเงิน 2 ล้านบาทคืน แต่ก็ถูกลูกน้องของเสกสกลทำร้ายร่างกาย
เสกสกล กล่าวว่า วันนี้จะมาดำเนินคดีตามดฎหมายกับบุคคลทั้ง 2 ในฐานะที่กล่าวใส่ร้ายป้ายสี ตน และมีการนำข้อมูลอันเป็นเท็จลงสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งถือเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความ ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 (1) ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงเกียรติยศ พร้อมยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ เอกลักษณ์ กล่าวอ้าง เพราะผู้บังคับบัญชา อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้ทุกอย่างต้องโปร่งใส
เมื่อถามว่า คู่กรณีจงใจจะดิสเครดิตทางการเมืองในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อหรือไม่ เสกสกล ตอบว่า เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น เพราะการที่ วีระ ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย ในช่วงที่ตนมีตำแหน่งเป็นทีมบริหารของพรรครวมไทยสร้างชาติ อาจมีนัยทางการเมืองซ่อนอยู่
"อยู่ๆ นายวีระก็ไปลาออกจากพรรคเสรีรวมไทย วันรุ่งขึ้นก็มาล่อผมเลย พร้อมทั้งเชื่อว่า เอกลักษณ์ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลว่า เอกลักษณ์ มีคดีติดตัว ทำอย่างนี้ทำให้อดคิดไม่ได้ว่ามันเป็นการเมือง"
เสกสกล ระบุต่อว่า วีระ สมความคิด เสียรู้ให้กับมิจฉาชีพ ที่ก่อนหน้านี้เคยหลอกบรืษัทรับเหมาก่อสร้าง และใช้วิธีการดังกล่าวมาขู่คุกคามในลักษณะที่เขาโดนกระทำ
ทั้งนี้ ได้ฝากข้อความถึง วีระ ว่าพร้อมที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อสู้กลับ ต่อให้ วีระ จะไปกล่าวโทษตนไม่ว่าจะที่หน่วยงานใด ก็พร้อมเข้าให้การตามข้อเท็จ และจะขอต่อสู้และฟ้องกลับนายวีระให้ถึงที่สุด
"นายวีระได้เจอผมแน่ ผมไม่หนีแต่เจอกันที่ศาล นายวีระเคยติดคุกที่กัมพูชามาแล้ว ผมจะเอานายวีระติดคุกเมืองไทยอีกคดีหนึ่ง นายวีระไปกล่าวร้องเท็จที่ไหนผมตามฟ้องที่นั่น จะไปร้องปปช.ก็เชิญตามอัธยาศัย จะเอาหลักฐานอันเป็นเท็จไปร้องผมฟ้องกลับ ไม่กลัวเพราะผมยืนหลักตามข้อเท็จจริง" เสกสกล กล่าว
เสกสกล กล่าวย้ำว่า ประเด็นดังกล่าวเขาเป็นฝ่ายถูกขู่กรรโชกทรัพย์ มีการแจ้งความนายเอกลักษณ์มาหลายครั้ง ซึ่งกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิด เอกลักษณ์ สำหรับการที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษที่ ปอท. ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 5 โดยมีการแนบเทปที่ วีระ และเอกลักษณ์ กล่าวหาในวันที่ไปร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาลมาเป็นหลักฐานเพื่อร้องทุกข์ด้วย ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่ได้มีการทุจริตเรียกรับเงินตามที่คู่กรณีกล่าวอ้างแต่อย่างใด