กลุ่มไทยภักดี นำโดย บุญเกื้อ ปุสสเทโว พร้อมคณะ เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับพรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า กรณีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากการเข้าร่วมชุมนุมที่ราชประสงค์ เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา
บุญเกื้อ กล่าวว่า การมาแจ้งความวันนี้กลุ่มไทยภักดีไม่ได้เป็นเจ้าทุกข์โดยตรง เนื่องจากคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นรัฐเป็นผู้เสียหาย แต่เมื่อพบการกระทำผิดอย่างชัดเจนจึงมาดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งพรรณิการ์ ทราบดีว่าเมื่อมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังเข้าไปร่วมชุมนุม มีการไลฟ์ผ่านแฟนเพจ และยังมีการยั่วยุ โดยทางกลุ่มไทยภักดีได้มีการเก็บรายละเอียดจากการไลฟ์ดังกล่าวเพื่อรวบรวมส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เพื่อให้มีความชัดเจนว่ามีการกระทำความผิดหลังจากมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว และเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างว่าจะไม่มีนักการเมืองเข้ามายุยง ปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง ซึ่งหากเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ออกมาเรียกร้องสิทธิโดยปกติก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว แต่ไม่ควรที่จะมีนักการเมืองไปปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง
ส่วนที่มีภาพนักการเมืองคนอื่นเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ชุมนุมนั้น บุญเกื้อ บอกว่า เรื่องนี้จะต้องมีการไปหารือกันอีกครั้ง และจะต้องฟังทาง วรงค์ เดชกิจวิกรม ด้วยว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ตนเองก็ได้มีการติดตามมาโดยตลอด โดยเฉพาะการเข้าร่วมชุมนุมของคณะก้าวหน้า ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะปิยบุตร แสงกนกกุล ที่ล่าสุดมีการโพสต์ในลักษณะเกินกว่าเหตุ ทำให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ติดตามข้อมูลของปิยบุตรเกิดความโกรธแค้นเจ้าหน้าที่ของรัฐไปด้วย
ทั้งนี้ทางกลุ่มไทยภักดีไม่ได้ต้องการจะปกป้องรัฐบาลเป็นพิเศษ เพียงแต่กลัวว่าจะมีการไปปลุกปั่นให้เกิดกระแสความรุนแรงขึ้น พร้อมยืนยันว่าทางกลุ่มไทยภักดีไม่ได้ความคิดจะนำมวลชนออกมาต่อต้านนักศึกษา แต่จะเป็นการให้ความรู้ ให้ข้อเท็จจริงประชาชนและคนรุ่นใหม่
บุญเกื้อ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ามีกลุ่มคนที่ออกมายุยงปลุกปั่น และยังเป็นการทำลายทั้งสถาบันครอบครัว และสถาบันหลักของชาติอย่างชัดเจน โดยมีเป้าหมายในทางการเมือง ซึ่งเป้าหมายหลักจริงๆ ของคนกลุ่มนี้คือต้องการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคณะก้าวหน้ามีเป้าหมายที่จะนิรโทษกรรมให้กับธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และอันนี้ต้องถามกลับไปว่าคนไทยจะยอมได้หรือเปล่าที่ปลุกปั่นใช้เยาวชนคนรุ่นใหม่ ซึ่งอาจจะไม่ทันเกมของนักการเมืองซ่อนอยู่ ผลประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ เป้าหมายหลักคณะก้าวหน้าจริงๆ ก็คือนิรโทษกรรมให้กับธนาธร
นอกจากนี้ บุญเกื้อ ยังบอกว่าทางกลุ่มไทยภักดีเชื่อว่าคณะก้าวหน้าอยู่เบื้องหลังการชุมนุมครั้งนี้ และไม่เพียงอยู่เบื้องหลัง แต่พยายามจะมาอยู่เบื้องหน้าด้วยซ้ำ วันนี้ที่มาแจ้งความก็เพื่อจะให้เห็นว่าการเผยแพร่ของคณะก้าวหน้า ที่มีการโพสต์ตลอดว่าจะเดินเคียงข้างไปด้วยกันกับประชาชน แม้ว่สจะมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่คณะก้าวหน้าก็บอกจะต่อสู้กับประชาชนอย่ายอมแพ้ ซึ่งก็หมายถึงการรณรงค์ให้ประชาชนออกมารวมกลุ่มกันเพื่อต่อสู้กับอำนาจรัฐ
อย่างไรก็ตาม บุญเกื้อ ยังฝากถึงเยาวชนด้วยความเป็นห่วง โดยเชื่อว่าอีก 10 ปีข้างหน้า เมื่อทุกคนอยู่ในโลกของความเป็นจริง ได้เห็นความซับซ้อนของสังคม การเมืองมากขึ้นแล้วเราจะเข้าใจ ไม่มีใครมองว่าคนรุ่นใหม่นั้นมีความคิดไม่ดี ทุกคนมีความหวังดี ทุกคนมีความตั้งใจดี แต่ยังไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของนักการเมืองซึ่งมีอะไรซ่อนอยู่ เคลือบด้วยยาพิษซึ่งเป็นอันตรายต่อเรา ก็ของเด็กๆ และเยาวชนทุกคนช่วยกันเตือนให้อยู่ในกรอบ เพื่อความปลอดภัย