ตัวแทนเครือข่าย People Go นำโดย เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ไครียะห์ ระหมันยะ นิมิตร์ เทียนอุดม และอีกหลายราย รวมทั้งหมด 12 คน เข้ารายงานตัวที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน หลังถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากการจัดกิจกรรม "ราษฎร์ธรรมนูญ" ที่หน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ ในวันที่ 10 ธันวาคม 2564 หรือวันรัฐธรรมนูญ ปีที่แล้ว โดยทางเครือข่ายฯ ได้จัดเวทีแถลงข่าว 'สองปี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หยุดอ้างโรคระบาด รักษาอำนาจให้ประยุทธ์' ที่บริเวณหน้า สน.ปทุมวัน 

ในการแถลงข่าว ยิ่งชีพ ระบุว่า แม้ว่าเหตุผลตั้งต้นของการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทั่วราชอาณาจักร จะเป็นการรับมือกับสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่ตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการควบคุมโรคระบาด ซ้ำร้ายยังเปิดช่องให้รัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือจำกัดการแสดงความคิดเห็นของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่เห็นต่างจากรัฐบาล แม้ว่าในการชุมนุมเกือบทุกครั้งจะจัดขึ้นในพื้นที่เปิดโล่ง และมีมาตรการป้องกันทางสาธารณสุขแล้วก็ตาม 

ยิ่งชีพ ยังกล่าวว่า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดถึงขอบเขตการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ไม่ชัดเจน คือการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมในกิจกรรมคาร์ม็อบ ซึ่งต่างคนล้วนอยู่บนยานพาหนะ และไม่ได้เข้ามาประชิดตัวกัน แต่ก็ยังถูกฟ้องข้อกล่าวหาฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แม้อัยการจะสั่งยกฟ้องแล้วก็ตาม จึงสะท้อนว่ากฏหมายฉบับนี้ขาดบรรทัดฐาน ทั้งยังเผยว่าเมื่อตนเข้าไปรายงานตัวที่ สน.ปทุมวัน จะขอสอบถามข้อกล่าวหาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ชัดเจน 

ทั้งนี้ ทางเครือข่าย People Go ยังเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีมีมติไม่ขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 31 มี.ค. 2565 และเห็นควรให้เจ้าหน้าที่รัฐยุติการดำเนินคดีฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กับประชาชน เพื่อให้สังคมเดินทางกลับสู่ความปกติใหม่ ที่รัฐใช้กฎหมายอยู่บนความถูกต้องชอบธรรม และเอาทรัพยากรของรัฐมาใช้กับการรักษาชีวิตผู้คน ไม่ใช่เอามาใช้กับการรักษาอำนาจ