การประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชาติสมาชิก NATO ในเมืองหลวงของนอร์เวย์ เป็นการประชุมในวันที่ 2 และวันสุดท้ายของการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ โดยชาติสมาชิก NATO พยายามหาจุดร่วมทางจุดยืนในการสนับสนุนยูเครน และประเด็นงบประมาณด้านกลาโหม ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำ NATO ในลิทัวเนียช่วงเดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้
สโตลเตนเบิร์กกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า แม้ว่าจะไม่มีการตัดสินใจใดๆ ในระหว่างการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ แต่สมาชิกทุกชาติของพันธมิตร NATO เห็นพ้องกันว่า "ยูเครนจะกลายเป็นสมาชิกของ NATO" แต่สงครามต้องยุติลงก่อน “สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับ NATO และยูเครน คือการรับรองว่าพวกเขาจะชนะสงครามครั้งนี้” สโตลเตนเบิร์กกล่าว "และเรากำลังให้การสนับสนุนในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับการกำหนดขั้นตอนที่เป็นรูปธรรม สำหรับการเข้าเป็นสมาชิก NATO ของยูเครนหลังสงครามสิ้นสุดลง สโตลเตนเบิร์กกล่าวว่า NATO กำลังทำงานบนกรอบการทำงาน เพื่อรับประกันความปลอดภัยของยูเครน และความปลอดภัยในวงกว้างของส่วนที่เหลือของยุโรป
“เราต้องหยุดวงจรอุบาทว์ของการรุกรานยูเครน” เลขาธิการ NATO กล่าวกับผู้สื่อข่าว พร้อมระบุเสริมว่า NATO จำเป็นต้องสร้าง "กรอบการทำงานเพื่อรับประกันความปลอดภัยที่จำเป็น" สำหรับยูเครน “เพื่อให้แน่ใจว่าประธานาธิบดี (วลาดิเมียร์) ปูตินต้องทำอะไรแบบนี้อีกไม่ได้"
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของชาติ NATO ได้หารือกันในประเด็นต่างๆ แต่ประเด็นหลักอยู่ที่ความสัมพันธ์ในอนาคตของพันธมิตรกับยูเครน และความสามารถในการให้การสนับสนุนได้ ในขณะที่รัสเซียยังคงทำสงครามต่อไป
อันนาเลนา บาเออร์บอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี กล่าวว่าการเจรจาในกรุงออสโลเป็นการ "จัดเตรียมเวที" สำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำ NATO ในเดือน ก.ค. ในกรุงวิลนีอุสของลิทัวเนีย และการบรรลุความจุดยืนที่เป็นหนึ่งเดียวกันในขณะนี้คือกุญแจสำคัญ
ทั้งนี้ แม้ว่าพันธมิตรจะเห็นด้วยกับการเป็นสมาชิก NATO ในอนาคตของยูเครน แต่คำถามในตอนนี้ก็คือ NATO จะให้การสนับสนุนยูเครนต่อไปได้อย่างไรโดยที่ NATO จะไม่สร้างความขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซีย
คาเธอรีน โคลอนนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่าพันธมิตร NATO จำเป็นต้องพิจารณาว่าการรับประกันความปลอดภัยประเภทใด ที่ NATO สามารถให้ยูเครนได้ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของลิทัวเนียและสเปนต่างกล่าวว่า NATO จำเป็นต้องกำหนดขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมสำหรับการเข้าเป็นสมาชิกของยูเครนหลังสงครามสิ้นสุดลง
ที่มา: