ไม่พบผลการค้นหา
"ศรีสุวรรณ" เตือน "วิษณุ" อย่าชี้นำศาลรัฐธรรมนูญกรณีคุณสมบัตินายกฯ อาจเข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 บอกถ้าอยากวินิจฉัยเองขอให้ลาออกจากรองนายกฯ ไปสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ประชุมปรึกษาพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎาส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าด้วยความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 44 (15) เพราะเหตุเป็น "เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ" หรือไม่ โดยศาลได้สั่งรับคําร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และแจ้งให้ผู้ร้องทราบ พร้อมส่งสําเนาคําร้องให้ผู้ถูกร้องเพื่อยื่นคําชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสําเนาคําร้องแล้วนั้น

แต่การที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ใช้โอกาสในรัฐสภาเมื่อคืนวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่ออธิบายแทน พล.อ.ประยุทธ์ โดยที่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้สั่งให้ช่วยอธิบาย หลังจากที่นายวัน อยู่บำรุง อภิปรายยกประเด็นเรื่องคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาว่า อาจไม่มีคุณสมบัติในการเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ในตำแหน่งหัวหน้า คสช. เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยนายวิษณุได้อ้างคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีระหว่าง คสช. กับนายสมบัติ บุญงามอนงค์ว่าในคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับดังกล่าว ไม่มีส่วนไหนที่เขียนว่าหัวหน้า คสช. เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในคำพิพากษาดังกล่าวเพียงแต่ระบุว่าตำแหน่งหัวหน้า คสช. เป็น "เจ้าพนักงาน" ดังนั้นแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ในตำแหน่งหัวหน้า คสช. จึงไม่ขาดคุณสมบัติในการเป็นนายกฯ เนื่องจากตอนที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ "ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ"    

การชี้แจงของนายวิษณุ อาจถือได้ว่าเป็นการจัดการงานนอกคำสั่ง และก้าวล่วงการวินิจฉัยหรือชี้นำการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่สุจริต ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 38 วรรคสาม ประกอบ ม.39 (3) ซึ่งมีโทษจําคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับได้    

เรื่องคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีในกรณีนี้ เป็นคำร้องที่อยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว คุณวิษณุเป็นนักกฎหมาย ควรที่จะรู้จักกาลเทศะ และวางตัว วางคำพูดให้เหมาะสม เพราะถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องนี้ไปตามคำชี้แจงของคุณวิษณุก็จะเกิดการครหากับศาลขึ้นมาได้ ถ้าคุณวิษณุอยากจะวินิจฉัยเรื่องนี้เสียเอง ควรลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี แล้วสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และเชื่อมั่นว่าจะผ่านการสรรหาและการลงมติเลือกของ ส.ว.ได้อย่างแน่นอน อย่าทำตัวเป็นเนติบริกร จนทำให้หลักกฎหมายสั่นคลอน กลายเป็นที่ครหาของคนทั้งบ้านทั้งเมืองอยู่เลย