นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นเรื่องให้พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานคณะกรรมาธิการ หรือ กมธ.สามัญ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งวันนี้มีการประชุม กมธ. ให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. ว่าผิดวัตถุประสงค์และเข้าข่ายฟอกเงินเหรือไม่ จากการให้เงินสนับสนุน 3 หน่วยงานและถูกบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นบริษัทจัดทัวร์ ฟ้องในข้อหาผิดสัญญาเงินทดรองจ่ายการดูงานต่างประเทศ

นายเรืองไกร ระบุถึง หมายเหตุประกอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 ของ พศ.ว่า ถูกบริษัทเอกชนฟ้องในข้อหาผิดสัญญาเงินทดรองจ่ายตามโครงการแกนนำต่อต้านการทุจริตประจำปี 2557 โดยมีการนำเยาวชนจากสำนักงานศาลยุติธรรม จำนวน 30 คนและเยาวชนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.จำนวน 40 คน ไปศึกษาดูงานและปฏิบัติธรรมที่ประเทศอินเดีย และเนปาล ซึ่งภายหลังดำเนินการเสร็จสิ้น เอกชนยังไม่ได้รับเงินตามโครงการดังกล่าว ปัจจุบันคดีนี้อยู่ในชั้นศาลอุทธรณ์  

นอกจากนี้ พศ.ได้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการใช้เงินที่อาจผิดวัตถุประสงค์ แต่เลือกตรวจสอบเฉพาะบางวัดเท่านั้น และยังพบการใช้จ่ายเงินในลักษณะเดียวกันที่ขอให้ กมธ.ตรวจสอบ คือ

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2554 สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ขอรับเงินสนับสนุนจาก พศ.ไปเป็นจำนวน 3 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 สำนักงานศาลยุติธรรม ได้ขอรับเงินสนับสนุนจาก พศ.จำนวน 5 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2555 สำนักงานศาลยุติธรรมได้ขอรับเงินสนับสนุนจาก พศ. 3 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2555 ตามบันทึกข้อความของกองพุทธศาสนศึกษาระบุว่า สำนักงานอัยการสูงสุดได้ ขอรับเงินสนับสนุนจาก พศ.จำนวน 2 ล้านบาทด้วย

นายเรืองไกร ยืนยันว่า แต่ละหน่วยงานมีงบประมาณที่เกี่ยวข้องหากจะทำกิจกรรมโดยทำเป็นโครงการประจำปีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องขอเงินจาก พศ. หรือ พศ.ไม่ต้องสนับสนุนเงิน ซึ่งหากตรวจสอบพบการผิดปกติ ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ไปยื่นต่อ ป.ป.ช.เพราะเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาด้วย