นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข พร้อมผู้บริหารกระทรวง เดินทางมาตรวจเยี่ยมระบบคัดกรองโรคเชิงรุกสำหรับแรงงานต่างชาติ ที่โรงพยาบาลท่าฉลอม จ.สมุทรสาคร จากนั้นเดินทางไปพบอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว(อสต.) ก่อนมอบเวชภัณฑ์ในการป้องกันโรคแก่บุคลากรทางการแพทย์ ที่บ้านเอื้ออาทร การเคหะท่าจีน
นายอนุทิน กล่าวว่า การตรวจคัดกรองต้องรุกไปถึงกลุ่มแรงงานต่างชาติต้องเร่งคุมโรค เพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุดแก่คนไทย วันนี้เราได้เห็นแล้วว่าแรงงานต่างชาติอยู่อย่างไร มีการเว้นระยะห่างหรือไม่ ทั้งนี้ หากแรงงานต่างชาติติดเชื้อ ขอรับรองว่าจะมีที่รักษาแน่นอน โดยจะไม่กระทบกับการให้บริการแก่คนไทย ขณะที่คนต่างด้าวต้องได้รับรับการดูแลรักษา ภาพรวมระบบการคัดกรองในกลุ่มคนต่างชาติ มีประสิทธิภาพ มาจากการทำงานหนักของคนหน้างาน ทั้งนี้ เราได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ลงไปให้ความรู้กับพี่น้องคนไทย และชาวต่างชาติแล้วว่าจากนี้ ต้องปฏิบัติตนอย่างไร หน้ากากผ้าต้องใช้ ต้องหมั่นล้างมือ ต้องอยู่ห่างกัน มาตรการที่ออกมาตอนนี้ กระทบการทำงานของคนต่างด้าวแน่นอน แต่ก็กระทบคนไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งเราจำเป็นมีมาตรการ เพื่อให้คนไทยปลอดจากโรคก่อน สำหรับที่โรงพยาบาลท่าฉลอม กำลังใจของแพทย์ พยาบาล ดีมาก ต้องขอบคุณความมุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงาน รวมไปถึงความร่วมมือและความช่วยเหลือของประชาชนด้วย
เมื่อถามเรื่องที่จะมีการยื่นข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี กรณีให้ไทยเข้าร่วมภาคีข้อตกลงความเข้าใจและความคืบหน้าเพื่อหุ้นส่วนข้ามแปซิฟิก หรือที่รู้จักกันในชื่อ CPTPP นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ในฐานะ รมว.สาธารณสุข จำเป็นต้องปกป้องผลประโยชน์ด้านการสาธารณสุขของคนไทยเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการเข้าถึงยา ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ว่า หากเข้าร่วมไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นตามมา และถ้ามันทำให้ไทยเข้าถึงยาได้ยากขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องกังวล ขอย้ำว่าเรื่องของระบบสาธารณสุขไทย เราต้องดูแลให้ดี ประเทศอื่น อาจจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจ หรือด้านต่างๆ แต่สำหรับประเทศไทย เราคือมหาอำนาจด้านการสาธารณสุข และเราต้องรักษาจุดแข็งตรงนี้ต่อไป