ไม่พบผลการค้นหา
‘ประยุทธ์’ ปาฐกถา “ภาคธุรกิจไทยในวิถียั่งยืน” ชี้ตีกันทำนักลงทุนไม่กล้าลงทุน ไม่ห่วงสถานะตัวเอง แต่ห่วงประเทศ ย้ำไม่ต้องการอำนาจ แต่อยากได้ความร่วมมือ เตือนสื่อเสนอข่าวระวังประเทศมีปัญหา รับแก่แล้วคิดไม่ทันเด็ก แต่อยากให้ใคร่ครวญ​ดูอดีตกว่าจะมีวันนี้

พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์​โอชา​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาและปาฐกถา ในงานสัมมนา “ภาคธุรกิจไทยในวิถียั่งยืน” โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยทุกฝ่ายต้องร่วมกัน ลำพังรัฐบาลทำฝ่ายเดียว คงเดินหน้าไม่ได้ โลกวันนี้เปลื่ยนแปลงทุกวัน แนวทางที่ดีที่สุดคือสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ปัญหาทุกวันนี้ถูกเปรียบเทียบระหว่างคนรวยและคนจน จึงอยากให้ไปย้อนดู ว่าที่ผ่านมาผ่านอะไรมาบ้าง ไทยโชคดีที่ภูมิศาสตร์ได้เปรียบ ใครๆ ก็อยากเดินทางมาประเทศไทย อาหารอร่อย รอยยิ้ม ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ตนไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก ดีไม่ดีจะทำอย่างไร ไม่เช่นนั้นก็จะขัดแย้ง กันอยู่อย่างนี้ ตนพูดมาตลอดว่าประชาชนเป็นศูนย์กลาง และวันนี้อะไรที่เป็นประโยชน์ลองเปิดดูบ้าง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ไม่ใช่เปิดดูเฉพาะหัวข้อ แต่อยากให้เข้าไปดูเนื้อหารายละเอียด ไม่ใช่รับรู้อย่างเดียวแต่หัวข้อ ไม่งั้นก็ตีกันไม่เลิก 

"นักลงทุนอยากมาลงทุน แต่ยังตีกันไม่เลิก นักลงทุนก็ไม่กล้ามาลงทุน วันนี้ไม่ได้ห่วงสถานะตัวเอง ไม่ได้ห่วงในตำแหน่ง และไม่ได้อยากมีอำนาจ ผมมีอำนาจเหมือนไม่มีอำนาจ อำนาจผมไม่ต้องการ ผมต้องการเข้าใจและความร่วมมือ ที่ผมพูดทุกวันนี้ ทุกคนบอกพูดเยอะ แต่ก็อยากระบายให้ฟังว่าเกียวข้องกับอะไรบ้าง และผมจะอยู่ถึง 100 ปีได้อย่างไร หรือท่านเลขาอยู่ถึง 100ปี วันนี้หลายเรื่องเอามาพันกัน จนมีปัญหาทุกเรื่อง ทั้งที่สิ่งดีๆ มีเยอะ ผมไม่ใช่ศัตรูกับสื่อ แต่จะรอดูการพาดหัว ผมไม่ได้จำกัดความคิด แต่ต้องระวัง ไม่ใช่ระวังผม แต่ประเทศชาติจะวุ่นวายและมีปัญหา" 

Iประยุทธ์ เศรษฐกิจ 111114413000000.jpg11114417000000.jpgประยุทธ์ 1111120105000000.jpgประยุทธ์ 01111120118000000.jpg

นายกรัฐมนตรี ยังพูดถึงปัญหาต่างๆ ว่าทุกอย่างมีขั้นตอน มีกฏหมาย ตนเองก็กลัวติดคุก แต่บางคนไม่กลัว กฏหมายเป็นส่วนสำคัญ ที่จะให้สังคมอยู่ร่วมกัน ปัญหามีไว้ให้แก้ อยากให้ไปดูต่างประเทศ ที่ในอดีตมีความขัดแย้งกัน ทั้งสงครามโลก ควรจะนำบทเรียน ประวัติศาสตร์มาเรียนรู้ และนำมาเป็นบทเรียน แต่ขอไทยเอาไปเขียนเอาไปคิด แล้วไปรบกันในโซเซียล

ทั้งนี้ การทำงานของรัฐบาลเปิดโอกาสให้ราชการเป็นคนคิดแผนเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองแต่ถึงอย่างนั้นก็มีบางอย่างดูดรอดไปได้แต่ยืนยันว่าการทำงานทำด้วยคณะทำงานต่อตนไม่ใช่ "ซูเปอร์แมน" ทำงานคนเดียวไม่ได้ โดยทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันเพื่อให้ประเทศชาติเข้มแข็ง

สำหรับเป้าหมายในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คือ การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังไม่ใช่แค่คนในปัจจุบันหมายถึงลูกหลานในอนาคตด้วย อะไรต้องรับฟังความคิดเห็นแล้วนำมาปฏิบัติอะไรที่ทำไม่ได้ก็ต้องอธิบายและชี้แจงให้เข้าใจ มีการละอย่างได้กล่าวถึงโครงการคนละครึ่งที่มีการเปิดให้ลงทะเบียนรอบเก็บตกเมื่อช่วงเช้าจนทำให้ระบบล่ม ว่า ประชาชนมีความพึงพอใจกับโครงการของรัฐ แต่เมื่อลงไม่ได้ ก็โทษว่ารัฐบาลแย่ อยากให้เข้าใจว่า AI ก็เหมือนคนเมื่อเข้ามามากๆ ก็ทำไม่ทัน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยอมรับทุกอย่างได้

นายกรัฐมนตรี ยังได้พูดถึงคนรุ่นใหม่ ซึ่งเข้าใจดีว่าเด็กสมัยนี้เป็นคนคิดไว เรียกร้องอยากได้สิ่งที่ดีกว่า แต่อยากให้ใคร่ครวญให้ดี เพราะกว่าจะมาถึงทุกวันนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้างประเทศจะเจริญหรือไม่ขึ้นอยู่กับทุกคน ลุงแก่แล้วอาจคิดไม่ทันพวกเธอ

อย่างไรก็ตาม การปาฐกถาในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีอารมณ์​ขึ้นลงเป็นระยะๆ และหลายครั้งกล่าวติดตลก ว่าวันนี้มาพูดให้ฟังว่าปัญหาอยู่ที่ตรงไหน ไม่ได้มาบ่น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง