ไม่พบผลการค้นหา
'อัครเดช' ฉุน! เหตุ 'ปดิพัทธ์' ติงอภิปรายยืดเยื้อเป็น 10 นาที โต้แหลกประธานสภาฯ ทำหน้าที่เอียง-ไม่สร้างสรรค์ เตือนอย่าใช้อารมณ์วินิจฉัย

วันที่ 22 ก.พ. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 20 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ที่มี ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณากระทู้ถามทั่วไป ที่ อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ถามเรื่องติดตามความคืบหน้าการจัดระเบียบสายไฟฟ้า สายสื่อสาร และการบริหารจัดการไฟฟ้าส่องสว่างอย่างทั่วถึงทั้งประเทศ ถามนายกรัฐมนตรี โดยมอบหมาย ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ตอบ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อัครเดช ได้อภิปรายเป็นเวลาเกือบ 10 นาที โดยยังไม่เข้าสู่คำถาม ปดิพัทธ์จึงทักท้วงว่า ใช้เวลาเกือบ 10 นาที ขอให้ถามคำถามได้แล้ว ทำให้ อัครเดช แสดงอาการเหมือนไม่พอใจและกล่าวว่า กระทู้ถามทั่วไปไม่ได้ระบุเวลา และตนรู้ข้อบังคับดี เดี๋ยวตนกำลังจะถามคำถามแล้ว 

"ท่านประธานต้องอย่าทำตัวเอียง ต้องวางตัวให้เป็นตรง วินิจฉัยอะไรต้องรับผิดชอบด้วย" อัครเดช กล่าว

จากนั้น ปดิพัทธ์ จึงกล่าวว่า ตนให้โอกาสในการอภิปรายแต่ อัครเดช พูดเรื่อง 70 ล้าน 80 ล้านมา 2 รอบแล้วจึงจะเข้าข่ายวนเวียนแล้ว และคิดว่าเราได้ประเด็นของเนื้อหาจึงอยากให้ช่วยบริหารเวลาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่ให้ท่านอภิปราย

อัครเดช ตอบโต้ว่า “จริงๆ กระทู้ถามสดนั้น ผู้ถามมีเวลาถาม 15 นาที และผู้ตอบมีเวลา 15 นาทีในการตอบเช่นเดียวกัน ผมเพิ่งถาม 10 นาที ท่านมาเบิกผม ท่านมีอะไรกับผมเหรอครับ“ 

ปดิพัทธ์ จึงตอบว่า "ท่านมีอะไรกับผมเหรอครับ ไม่มีครับ แต่คิดว่ากระทู้ถามแต่ละครั้งที่วันนี้ผมให้อภิปรายเกิน 10 นาทีได้ เพราะวันนี้มีกระทู้ของท่านคนเดียวที่เหลือเป็นการเลื่อนกระทู้ และผมแค่บอกเฉยๆ ว่าตอนนี้ควรที่จะต้องเข้าสู่คำถามได้แล้ว เพราะเป็นการอภิปรายที่มากพอแล้ว ผมไม่มีอะไรกับท่าน ขอให้เข้าสู่เนื้อหาเลย หากจะอภิปรายกับผม ผมคิดว่ามันเสียเวลาของสภาฯ"

อัครเดช กล่าวว่า ต้องชี้แจงเพื่อที่ประชาชนจะได้เข้าใจข้อบังคับและสิทธิของ สส. ด้วยความเคารพสิทธิของสมาชิก คือเวลาที่ถามนั้น ยังอยู่ในเวลาที่ใช้สิทธิอยู่ และหากไปดูเรื่องข้อบังคับกระทู้ถามไม่ได้ระบุระยะเวลา เคารพสภาฯ โดยการใช้สิทธิตามระยะเวลาที่มีอยู่คือ 15 นาที ฉะนั้น การอภิปรายของตนก็เป็นประโยชน์ต่อรัฐมนตรี ในการให้ข้อมูลของรัฐมนตรีไปบริหารประเทศเพื่อประหยัดงบประมาณเงินภาษีของพี่น้องประชาชน 

"สิ่งที่ผมอภิปรายเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ ดีกว่าที่จะอภิปรายที่ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา แล้วท่านวินิจฉัยกลายมาเป็นประเด็นที่ทะเลาะกัน ผมว่าแบบนั้นเสียเวลามากกว่า ขอให้ท่านได้ทำตามข้อบังคับและเคารพสิทธิของสภาฯ ด้วย" อัครเดช กล่าว

ปดิพัทธ์ ชี้แจงว่า กระทู้ถามข้อบังคับบอกว่าต้องไม่เป็นลักษณะการอภิปราย และตอนนี้ อัครเดช ใช้เวลามากเกินไปกับสิ่งที่ไม่อยู่ในกระทู้ อัครเดช จึงกล่าวว่า อยากให้ ปดิพัทธ์ ที่ทำหน้าที่ประธาน ท่านจะใช้ดุลพินิจหรือวินิจฉัยอะไร ขอให้ท่านอยู่ในข้อบังคับและรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนด้วย ตนกำลังอภิปรายประเด็นนี้และตนถามกระทู้มาตั้งแต่สมัยที่ ชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานสภาฯ ตนไม่ได้ถามกระทู้นี้กระทู้แรก และตนไม่เคยมีปัญหาเช่นนี้เพราะตนรู้ข้อบังคับ ทำให้ ปดิพัทธ์ ทักท้วงขึ้นว่า ขอให้เข้าเรื่องได้แล้ว ไม่เช่นนั้นตนไม่อนุญาตให้พูดและคำวินิจฉัยของประธานเป็นที่สิ้นสุด 

อัครเดช กล่าวว่า หากท่านประธานวินิจฉัยเช่นนี้ ตนขอให้สภาฯ แห่งนี้บันทึกไว้ว่า สส.ที่นำปัญหาของพี่น้องประชาชนมาอภิปราย แล้วอภิปรายตามข้อบังคับและจะถามรัฐมนตรีตามระเบียบ แต่ท่านใช้ดุลพินิจของท่านวินิจฉัยให้ สส.หยุดอภิปราย จึงขอให้สภาฯ หากวินิจฉัยเช่นนี้ ตนขอไม่ถามกระทู้ต่อ 

ปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนจำเป็นต้องบริหารเวลาและข้อบังคับให้ชัดเจน ไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่ให้ถาม แต่ อัครเดช ลุกขึ้นทักท้วงอีกรอบว่า ท่านประธานไม่จบ ปดิพัทธ์ จึงกล่าวขึ้นว่า ตนจบแล้ว และไม่อนุญาตให้พูด ขอบคุณรัฐมนตรี ซึ่งผู้ถามไม่ได้ใช้สิทธิ์ถามแล้ว และเจ้าหน้าที่ที่บันทึกการประชุมว่า อัครเดชทำผิดข้อบังคับ ไม่เคารพคำวินิจฉัย ตนไม่สามารถให้อภิปรายประธานได้เพราะนี่ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำให้ อัครเดช ลุกขึ้นประท้วงว่า ตนไม่ได้อภิปรายและขอประท้วงว่าประธานทำผิดข้อบังคับ ท่านเป็นประธานต้องวางตัวเป็นกลาง อย่าเอาอารมณ์เมื่อครั้งที่แล้วมาทำเช่นนี้กับสมาชิก ไม่ถูกต้อง 

ปดิพัทธ์ จึงได้ย้ำอีกครั้งถึงเรื่องข้อบังคับสภาฯ ในการถามกระทู้ และยืนยันไม่ได้มีเจตนาที่จะเบรกไม่ให้ อัครเดช ถามกระทู้แต่อย่างใด จากนั้นที่ประชุมจึงเข้าสู่วาระถัดไป