นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี ออกแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่สมาชิกรัฐสภาลงมติเห็นชอบในวาระแรก ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ของ ส.ส.ฝ่ายค้าน และส.ส.ฝ่ายรัฐบาลรวม 2 ร่าง นำไปสู่การตั้ง ส.ส.ร. เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ แม้กลุ่มไทยภักดีจะไม่เห็นด้วย แต่เคารพการตัดสินใจของสมาชิกรัฐสภา
สิ่งที่กลุ่มไทยภักดี ได้ดำเนินการต่อไป และเชิญชวนพี่น้องประชาชน 16.8 ล้านเสียง ติดตามนั่นคือ เราได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ร้องผ่านอัยการสูงสุด เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ระงับยับยั้ง การกระทำของรัฐสภา เพราะเราถือว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น ถือว่ากลไกทางการเมือง องค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ต้องถูกยกเลิกไป เข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง
ขณะเดียวกัน ถ้าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ให้โอกาสมีการตั้ง ส.ส.ร.ได้ แม้จะไม่มีการแตะต้องมาตราที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ กลุ่มไทยภักดีขอให้พี่น้องจับตาที่มาของ ส.ส.ร. และพวกเราต้องช่วยกันติดตาม ประเด็นสำคัญของการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ นั่นคือประเด็นที่ทุนสามานย์จะเข้ามาครอบงำระบบการเมืองนั่นคือ
1.ต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้ง ส.ส.จากบัตรใบเดียว เพราะถ้ามีการเปลี่ยนแปลงไปสู่บัตรสองใบตามรัฐธรรมนูญ 2540 หรือ 2550 ทุนสามานย์และเงิน ที่ครอบงำพรรคการเมืองจะฟื้นมีพลังอำนาจมากขึ้นมาทันที และนำไปสู่ปัญหาทางการเมืองเหมือนในอดีต
2.ต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงการคัดเลือก ส.ว.ตามระบบใหม่ของรัฐธรรมนูญ 2560 นั่นคือให้ ส.ว.คัดเลือกจากประชาชนกลุ่มอาชีพ เพราะถ้ายอมแก้ไขให้ส.ว.คัดเลือกจากจังหวัดต่างๆเหมือนเดิม ส.ว.ก็อาศัยฐานเสียงพรรคการเมือง จะทำให้ ส.ว.อยู่ภายใต้บงการพรรคการเมือง นำไปสู่เผด็จการรัฐสภา
3.ต้องไม่มีการแก้ไขรายละเอียดการปราบโกง ทั้งที่อยู่ในรัฐธรรมนูญ 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
4.ต้องไม่มีการแก้ไขมาตราเรื่องงบประมาณ ที่นำไปสู่การแทรกแซง ให้มีงบ ส.ส.
5.ต้องไม่มีการแก้ไข เพื่อนิรโทษกรรม คดีทุจริต คดีถูกตัดสิทธิการเมือง ของนักการเมืองที่ถูกลงโทษไปแล้ว
ที่กล่าวมาคือสาระสำคัญของอนาคตประเทศ ที่พี่น้องประชาชนต้องช่วยกันจับตา ติดตาม เพราะนี่คือความพยายามของกลุ่มทุนสามานย์ กลุ่มทุนล้มเจ้า(ทั้งในและนอกประเทศ) ที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :