ไม่พบผลการค้นหา
‘จาตุรนต์’ ซัดวาทกรรม ไม่สู้จริง ชี้ “หากเพื่อไทยไม่สู้ ไทยเป็นเผด็จการยิ่งกว่านี้” ยันเพื่อไทยอยู่แถวหน้าในการต่อต้านเผด็จการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงทุกวันนี้ยังสู้ต่อยังเป็นกำลังสำคัญ

จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ Impact Arena เมืองทองธานี ซัดกลับวาทกรรมพรรคเพื่อไทยสู้ไปกราบไป พรรคเพื่อไทยไม่สู้จริง ระบุพรรคเพื่อไทยคือพรรคการเมืองเดียวที่อยู่ตรงข้ามกับฝ่ายเผด็จการมากที่สุด มีนักการเมืองต้องติดคุกหนีออกนอกประเทศสูงสุด ยืนยันหากเพื่อไทยไม่สู้หรือยันหยัดไว้ประเทศไทยจะเป็นเผด็จการมากกว่านี้ โดยจาตุรนต์ ขึ้นปราศรัยระบุว่า

พูดเรื่องพรรคเพื่อไทยสู้จริงไม่จริง วาทกรรมที่แยบยลดูเท่มาตลอดการเลือกตั้งครั้งนี้ แล้วก็ไม่เคยโต้กันดังๆ สักทีวันนี้ผมจะโต้ให้ดู

วาทกรรมบอกว่า ที่บ้านเมือง เป็นมาอยู่อย่างนี้ เป็นมาถึงทุกวันนี้ ก็เพราะนักการเมืองพรรคการเมืองเก่าๆ ทำมาได้แค่นี้ เพราะฉะนั้นต้องให้พรรคการเมืองใหม่ๆมาทำถึงจะแก้ปัญหาได้ พี่น้องครับ บ้านเมืองมันมาถึงทุกวันนี้ มันไม่ใช่เป็นผลจากพรรคการเมืองอย่างเดียว มันเป็นผลจากผู้มีอำนาจในสังคมมันเป็นผลจากนักวิชาการ มันเป็นผลจากกองทัพ มันมีผลจากตุลาการภิวัฒน์ มันมีผลมาจากหลายฝ่ายจะบอกว่าบ้านเมืองมาถึงจุดนี้เป็นอย่างนี้เป็นเพราะนักการเมืองไม่ได้ 

และพูดต่อว่าเพราะฉะนั้นต้องให้พรรคการเมืองใหม่มาถึงจะแก้ได้ ที่ผ่านมาถ้าไม่มีพรรคเพื่อไทย ป่านี้เผด็จการครองอำนาจต่อเนื่องไปนานแล้ว มาจนถึงทุกวันนี้ที่มีพรรคเพื่อไทย จึงได้ยันเผด็จการไว้ได้

ที่ผ่านมายังไม่มีพรรคการเมืองไหนต่อต้านเผด็จการเท่าพรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองที่อ้างว่าจะต่อต้านเผด็จการยังไม่เกิด ถ้าพูดง่ายๆอย่างที่ทำๆ กันมาไม่ดีลองของใหม่พูดง่ายๆ แบบนี้ก็ง่ายสิครับรวมไทยสร้างชาติก็พูดได้เพราะเพิ่งเกิดเหมือนกัน

วาทกรรมที่ 2 บอกว่าที่เกิดรัฐประหารซ้ำๆเพราะพรรคการเมืองในอดีตไม่ต้านรัฐประหารไม่สู้จริง ก็มีวาทกรรมดราม่ากึ่งโรแมนติก บอกว่าที่ผ่านมาพรรคการเมืองไม่ต้านรัฐประหารเลย 

พรรคการเมืองบางพรรค บอกเกิดรัฐประหารเราจะไปยืนหน้าสภา จะลงถนนนำประชาชน

ฟังดูโรแมนติกมาก แต่มันจะจริงหรือเปล่า ชีวิตของผมผ่านรัฐประหารมาแล้ว 5 ครั้ง และต่อต้านรัฐประหารต่างกัน ปี 2519 สู้ด้วยอาวุธกันมาแล้ว พิสูจน์แล้วว่ามันไม่แก้ปัญหาประเทศ พฤษภาทมิฬ พรรคการเมืองฝ่ายค้านในวันนั้น หลายคนอยู่ที่นี่ นำประชาชนต่อต้านเผด็จการ จนรัฐบาลเผด็จการล้มลงไป นักการเมืองพรรคการเมืองเขามีส่วนร่วมกันมาทั้งนั้น 

ปี 49 เราขัดขวางรัฐบาลที่จะทำตามอำเภอใจ จนปัจจุบันที่ใช้รธน.ที่มีส.ว. เราก็คัดค้านกันเรื่อยมา 

การคัดค้านเผด็จการทำได้หลายแบบต่างกัน ปี 57 ประยุทธ์ ยึดอำนาจ นักการเมืองเพื่อไทย ถูกจับเข้าคุก ถูกจับเข้าค่ายทหาร ผมถูกจับขังศาลทหาร ติดคุก

ผมไม่เคยพูดว่าดีวิเศษกับใคร ผมแค่ไปยืนยันกับชาวโลก ว่าที่บอกว่าคนไทยเห็นด้วยกับรัฐประหาร ก็มีรัฐมตรีคนหนึ่งอย่างผมไม่เห็นด้วย ก็ไปประกาศตัวกับชาวโลกกลางกรุงเทพฯ ให้มันจับ

ยึดอำนาจแล้วจะไปยืนหน้าสภา ลงถนน เป็นการพูดแบบดราม่าโรแมนติกเท่านั้นไม่มีหลักฐานอะไรเลย

บ้านเมืองมีวิกฤตทั้งเศรษฐกิจและวิกฤตประชาธิปไตย 2 วิกฤตนี้มันเกิดคู่กันจะแก้ปัญหาต้องแก้ทั้ง 2 เรื่อง และพรรคการเมืองที่พร้อมที่สุด พรรคการเมืองที่มีประวัติความเป็นมาว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดีที่สุด คนเชื่อถือที่สุดคือพรรคเพื่อไทย

แล้วถ้าจะทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยมันก็ต้องดูที่ประวัติความเป็นมา พรรคเพื่อไทยอยู่แถวหน้าในการต่อต้านเผด็จการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงทุกวันนี้ยังสู้ต่อยังเป็นกำลังสำคัญ

14 พฤษภาคมขอให้มั่นใจใครที่ยังคิดลังเลอยู่ มั่นใจได้ แล้วใครที่มั่นใจอยู่แล้วมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่า แก้ปัญหาประเทศนี้ได้ “เพื่อไทยคือคำตอบ” 

จะวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตการเมืองของประเทศ “คำตอบคือเพื่อไทย” เพื่อไทยคือคำตอบ