สำหรับมติที่ประชุมร่วมของรัฐสภาที่มีมติเห็นชอบ 324 เสียงให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกลเป็นผู้สมควรได้รับแต่งตั้ังเป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย ก้าวไกล 151 เสียง เพื่อไทย 141 เสียง ประชาชาติ 8  เสียง ไทยสร้างไทย 6เสียง เพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง เป็นธรรม 1 เสียง เสรีรวมไทย 1  เสียง พลังสังคมใหม่ 1 เสียง

ส่วน ส.ว. 13 เสียงเห็นชอบ ประกอบด้วย

1. ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ เคยดำรงตำแหน่วผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายอาหารและโภชนาการ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ

2. จรุงวิทย์ ภุมมา อดีตเลขาธิการ กกต.

3. ซากีย์ พิทักษ์คุมพล บุตรของจุฬาราชมนตรี 

4. ประภาศรี สุฉันทบุตร ประธานหอการค้าจังหวัดยโสธร และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)

5. พิศาล มาณวพัฒน์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา

6. พีระศักดิ์ พอจิต อดีตรองประธานสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

7. มณเฑียร บุญตัน นักวิชาการอิสระ อดีตสมาชิกวุฒิสภาสรรหาภาค อดีตรองประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย

8. วันชัย สอนศิริ ทนายความ และอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)

9. วุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ

10. อำพล จินดาวัฒนะ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)

ทั้งนี้มติเห็นชอบ 324 เสียงไม่เพียงพอ ที่จะทำให้ พิธา ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ได้ เพราะยังขาดเสียงสนับสนุนอีก 51 เสียง

ส่วนพรรคการเมือง และ ส.ว.ที่ลงมติไม่เห็นชอบ 182 เสียง ประกอบด้วย พลังประชารัฐ 40 เสียง รวมไทยสร้างชาติ 36  เสียง ภูมิใจไทย 70 เสียง (ไม่ขาน 1) ท้องที่ไทย 1 เสียง ประชาธิปไตยใหม่ 1  เสียง และ ส.ว. 34 เสียง

ส่วนพรรคการเมือง และ ส.ว.งดออกเสียง 199 เสียง ประกอบด้วย ประชาธิปัตย์ 25  เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ชาติพัฒนากล้า 2 เสียง ใหม่ 1 เสียง ครูไทยเพื่อประชาชน 1 เสียง ขณะที่ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา งดออกเสียง ส่วนส.ว. 159 เสียง ในส่วนนี้ มี พรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา งดออกเสียงด้วย

ทั้งนี้ มี ส.ว. ไม่มาลงคะแนน 43 คน ประกอบด้วย

กอบกุล อาภากร ณ อยุธยา, กิตติ วะสีนนท์, เจน นำชัยศรี, เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ, พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทสส., พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์, พล.อ.เชวงศักดิ์ ทองสลวย, พล.อ.ดนัย มีชูเวท, ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์, พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.

ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม, พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร., พล.ร.อ.ฐนิธ กิตติอำพน, พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ., พล.ร.อ.นพดล โชคระดา, พล.อ.นพดล อินทปัญญา, บุญมี สุระโคตร, เบญจรัตน์ เนียมประดิษฐ์, พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย, ภัทรภร วรามิตร

ภาณุ อุทัยรัตน์, พล.อ.ปฐมพงศ์ ประถมภัฎ, พิทักษ์ ไชยเจริญ, ประมาณ สว่างญาติ, ประยูร เหล่าสายเชื้อ, พล.ต.ต.ปรัชญ์ชัย ใจชาญสุขกิจ, ศรีศักดิ์ วัฒนพรมงคล, พล.อ.วราห์ บุญญะสิทธิ์, วิชัย ทิตตภักดี, พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์

พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม, สม จาตุศรีพิทักษ์, สมชาย หาญหิรัญ, ศักดิ์ไทย สุรกิจบวร, พล.ร.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เชิดบุญเมือง, สำราญ ครรชิต, พล.อ.อ.สุจินต์ แช่มช้อย, สุนี จึงวิโรจน์, นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์,อภิชาติ โตดิลกเวชช์, พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรส ผบ.ทอ., อุดม วรัญญูรัฐ, อุปกิต ปาจรียางกูร

มีส.ว. ลาออก 1 คน คือ เรณู ตังคจิวางกูร ทำให้เหลือ ส.ว.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 249 คน

สมาชิกรัฐสภาทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบันมีจำนวน 749 คน มติเห็นชอบนายกฯ ต้องได้ 375 เสียงขึ้นไป

.