วันที่ 19 พ.ค. เวลา 12.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พร้อมคณะลงพื้นที่วงเวียนบางเขน เพื่อตรวจจุดระบายน้ำชั่วคราว 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาวันนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ปริมาณฝนตกมากกว่าประสิทธิภาพในการระบายน้ำ ซึ่ง กทม.ก็ทำได้ในส่วนของตัวเองและที่เหลือรัฐบาลก็เติมให้ ที่ลงมาวันนี้เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจ ถึงเวลาบางทีมันก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์ ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ปกติฝนตกที่ 50-60 มิลลิเมตรก็พอจะระบายทัน แต่เมื่อตก 100 มิลลิเมตร ก็ระบายไม่ทัน

ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้หันไปหาเจ้าหน้าที่ว่า ขณะนี้เตรียมการอะไรอยู่บ้าง เจ้าหน้าที่ตอบกลับว่า ตอนนี้กำลังเตรียมเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จากนั้นนายกฯ จึงกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องเลือกตั้ง ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ว่าฯ ที่จะมาใหม่ตนก็ไม่รู้ว่าทำได้อย่างที่คุยหรือไม่ ในส่วนของ กทม.แม้มีงบประมาณของตัวเองทั้งหมดรัฐบาลก็ต้องดูให้ แต่หากคิดว่าทำได้เองตนก็จะไม่เกี่ยว อย่างไรก็ตามต่อไปนี้สถานีสูบน้ำทั้งหมดจะต้องใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เครื่องสูบทุกสถานีต้องทำงานได้อย่าให้ไฟดับแล้วสูบไม่ได้ต้องไม่มีเด็ดขาด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำด้วยว่า เรื่องเลือกตั้งตนไม่เกี่ยว มีเพียงสิทธิเดียวเท่านั้น เลือกตั้งไม่ต้องมาพูด

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุอีกว่า วันนี้ตนมาในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยได้ให้รัฐมนตรีมหาดไทยมาด้วย มาร่วมดูแลมาช่วยตรงนี้ รวมถึง ปภ.ซึ่งมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ดี เพราะถ้าไม่ร่วมมือกันก็ไปไม่ได้และจะต้องเตรียมแผนรองรับในอนาคตไว้ด้วย ซึ่งมีหลายวิธีการในการแก้ไขปัญหาและจะต้องลดความเสียหายและความเดือดร้อนให้ได้มากที่สุด นี่คือนโยบายของตนและรัฐบาลต้องฝากกทม.อย่าทำอะไรคนเดียวถ้าไม่ไหวให้มาหารัฐบาล 

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่จะใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมเอเปค ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ ว่า วันนี้ไปดูความพร้อมสถานที่จัดประชุมเอเปคที่ไทยเป็นเจ้าภาพที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์แห่งใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจะทันเวลา อีกทั้งได้แวะเยี่ยมชมสวนเบญจสิริต้นไม้ก็งดงาม คิดว่าทันเวลาแน่นอน

ขณะที่ ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีที่นายกฯ ไปตรวจติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แห่งใหม่ ว่า นายกฯ ได้ทักทายและให้กำลังใจ ห่วงใยการทำงานของเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ก่อสร้าง พร้อมสอบถามรายละเอียดความคืบหน้าของโครงการ โดยย้ำการใช้ประโยชน์พื้นที่ภายในศูนย์ประชุมฯ ให้มีความคุ้มค่า สามารถดัดแปลงพื้นที่ใช้งานได้หลากหลาย เหมาะสมกับบริบท และได้ชื่นชมการออกแบบที่มีการสืบสาน รักษา ต่อยอด และอนุรักษ์ความเป็นไทย แสดงถึงเอกลักษณ์และเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ

นอกจากนี้ นายกฯ และคณะยังได้ตรวจเยี่ยมสวนป่าเบญจกิตติ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการปรับใช้พื้นที่อย่างเต็มศักยภาพซึ่งนอกจากจะเป็นพื้นที่สำหรับออกกำลังกายพักผ่อนของทุกคนแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC 2022) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ตลอดปี 2565 ของไทย ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จ 100% ภายในเดือน ส.ค.นี้ 

สำหรับการลงพื้นที่ 2 จุดของนายกฯ วันนี้เป็นภารกิจด่วนนอกเหนือจากวาระงานของสำนักเลขาธิการนายกฯ ที่ลงพื้นที่หลังไปเป็นประธานการประชุมเสวนา "ถามมา - ตอบไป เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม" ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ซึ่งคาดว่าสืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพฯ จนเกิดน้ำท่วมขัง จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนนั้น

ประยุทธ์' ลั่นรัฐบาลสนับสนุนงบให้ กทม.ปีละกว่า 2 หมื่นล้าน ฝากผู้ว่าฯใหม่ทำให้ได้อย่างที่สัญญา

ฝากผู้ว่าฯใหม่ทำให้ได้อย่างที่พูด

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ตรวจจุดระบายน้ำชั่วคราว บริเวณวงเวียนบางเขน ว่า ในเรื่องของงบประมาณทาง กทม.ก็มีงบในส่วนของตัวเอง แต่คงไม่เพียงพอ รัฐบาลก็สนับสนุนงบให้มาตลอดเหมือนกับท้องถิ่นทั่วไป อย่างไรก็ต้องพึ่งรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะลำพังเฉพาะงบ กทม.คงไม่เพียงพอต่อการบริหาร รัฐบาลก็ต้องไปดูแล ทั้งหมดรัฐบาลช่วยทุกเรื่อง มหาดไทยก็ให้การสนับสนุนเครื่องไม้เครื่องมือ

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลสนับสนุนงบให้ กทม.แต่ละปีวงเงินเท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตัวเลขมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่งบประมาณ กทม.มีประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐบาลก็สนับสนุนงบประมาณให้ทุกปี แต่วงเงินจำกัดเพราะรัฐสภาจะต้องอนุมัติ 

เมื่อถามต่อว่า จะฝากอะไรไปยัง ว่าที่ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ที่จะเข้ามาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าปัญหามีเยอะ ดังนั้นทำอย่างไรจะช่วยลดปัญหา สิ่งสำคัญทุกคนจะต้องร่วมมือกับรัฐในการแก้ปัญหาเพราะบางทีมันเดือดร้อน เวลาจะทำอะไรสักอย่างจะเดือดร้อนคน ไม่ว่าจะขุดลอก ขุดท่อทำใหม่ มันติดคนหมด ฉะนั้นถ้ายิ่งทะเลาะกันก็ยิ่งไปไม่ได้ใหญ่เข้าใจหรือไม่ การจะทำเส้นระบายน้ำใหม่หรือท่อขนาดใหญ่แบบฝรั่งมันทำไม่ได้เพราะเป็นบ้านเรือนคนไปหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นต้องรื้อใหม่ทั้งหมด แต่วันหน้าอาจจะทำได้

เมื่อถามถึงแนวคิดการขยายเมืองแก้ไขปัญหาความแออัดในกรุงเทพฯ นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ได้เริ่มขยายไปแล้ว ไปบางนา พุทธมณฑลเยอะแยะ แต่ศูนย์เศรษฐกิจส่วนใหญ่จะอยู่ตรงนี้ เพราะคนมีรายได้น้อย คนค้าขายจะมาอยู่ตรงนี้ และเป็นชุมชน ซึ่งใน กทม.มีทั้งหมด 1,800 กว่าชุมชน เข้ามาอยู่ในพื้นที่บางทีก็ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง เราก็เห็นใจมันก็จะทำอะไรลำบากหน่อย

"นายกฯ ไม่ใช่คนที่ไม่เห็นใจคนอื่นเมื่อไหร่ ต้องเข้าใจ ฉะนั้นการที่จะเป็นผู้ว่าฯกทม. หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ทำให้ได้ก็แล้วกัน แล้วให้เข้าใจด้วยว่างบประมาณมาจากไหน วันนี้รัฐบาลสนับสนุนงบให้ กทม.กว่า 2 หมื่นล้านบาท ใครจะทำโน่นทำนี่ต้องถามว่าเอางบมาจากไหน"

เมื่อถามว่าควรจะเลิกแบ่งแยกการทำงานกันได้แล้วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าสื่อไม่ยุ ก็เลิกไปนานแล้ว หมดเวลาความขัดแย้ง หมดเวลาการแบ่งแยก หมดเวลาความล้มเหลว เลิกเสียทีเถอะ ต้องทำให้ได้