วันที่ 1 ก.ค. 2565 ที่อาคารรัฐสภา ทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก พร้อมด้วยเครือข่ายผู้ปกครอง รวมถึงเครือข่ายเยาวชนมากกว่า 33 องค์กร เข้ายื่นหนังสือต่อ ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง
ทิชา กล่าวว่า นับแต่ที่พรรคภูมิใจไทย ได้มีการผลักดันให้กัญชาปลดล็อคออกจากบัญชียาเสพติด กลับพบว่าวันแรกของการปลดล็อคกัญชา ได้พบสินค้าหลายชนิดที่มีส่วนผสมของกัญชาวางจำหน่ายทั่วประเทศอย่างเปิดเผยและเสรี ทำให้ทางเครือข่ายมีความห่วงใยต่อสังคม รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และนักวิชาการมากมาย ได้เล็งเห็นถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน รวมถึงเด็กและเยาวชน ภาวะสุญญากาศเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นความอัปยศของสภาไทยหรือไม่
ทางภาคีเครือข่ายจึงเห็นว่า จำเป็นอย่างยิ่งในการที่จะต้องมีมาตรการรัดกุมและครอบคลุมทุกมิติ ต้องมีการควบคุมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ การห้ามโฆษณา การอธิบายต่อผลเสีย พร้อมยืนยันเครือข่ายไม่คัดค้านการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์หรือเศรษฐกิจ แต่ไม่สนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการ เพราะกัญชาก็ยังถือเป็นสิ่งที่มีผลกระทบต่อระบบพัฒนาการของสมอง มีความเสี่ยงต่อร่างกายหลายอย่าง และเห็นคนอย่างยิ่งที่จะต้องกำหนดให้สถานศึกษา ศาสนสถาน สถานที่ราชการ เป็นสถานที่ที่ห้ามเสพ ห้ามขาย และห้ามจำหน่าย และต้องพิจารณาเพิ่มบทลงโทษให้สูงกว่าข้อเสนอเดิม 2 เท่า
"ขอให้ช่วยพิจารณาว่าจะทำอย่างไรกับทั้งด้านสว่าง และด้านมืดของกัญชา กัญชาคือดาบสองคมที่คมกริบทั้งสองด้าน กรรมการต้องอย่าลืมลูกหลานของเรา ให้เกือบ 20 ล้านคน ที่มีทั้งอ่อนแอและเข้มแข็ง"
โดย ศุภชัย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมีความเป็นห่วงในเรื่องนี้เช่นกัน จึงได้เสนอกฎหมายเพื่อปกป้องพิษภัยของกัญชาจากเด็กและเยาวชน ซึ่งพรรคภูมิใจไทยได้ยื่นเสนอกฎหมายนี้สู่สภาในวันที่ 5 ม.ค. แต่เนื่องจากความขัดข้องทางฝ่ายนิติบัญญัติ กว่าที่ร่างกฎหมายจะเข้าสู่การรับฟังความเห็นก็ปิดสมัยประชุมพอดี ส่งผลให้ร่างกฎหมายนั้นล่าช้าไปเกือบ 4 เดือน
ยืนยันได้ว่าตั้งแต่วันแรกที่เขียนร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ด้วยความมุ่งหวังจะปกป้องเยาวชนทุกคน ยืนยันว่าการจำหน่ายกัญชาให้ผู้อายุต่ำกว่า 20 ปีมีโทษทางอาญา ส่วนตัวเชื่อว่าร่างกฎหมายกัญชาฯ ที่กำลังทำอยู่นี้ จะเป็นร่างกฎหมายที่ดีที่สุดที่ตนทำมาในชีวิต เพราะเชื่อว่าจะทำประโยชน์ให้ประชาชน ปกป้องคุ้มครองบุคคลที่ควรจะปกป้อง องค์กรต่างประเทศเห็นกฎหมายฉบับนี้แล้วจะสบายใจว่าดำเนินการโดยไม่ขัดกับอนุสัญญาที่ไทยได้ลงนามไว้
"วันนี้เรื่องสำคัญที่สุด เราทุกคนในที่นี้ พ่อแม่ ผู้ปกครองเพื่อนบ้าน ก็ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา และในที่สุดเราจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ ผมเรียกร้องว่า ขออย่างเดียวอย่ายืนอยู่นิ่งๆ แล้วก็ด่า แล้วก็ตำหนิ ความจริงพวกผมทำทุกวัน" ศุภชัย กล่าว