หลังปล่อย P30 ออกมาชิงกระแสตลาดสมาร์ตโฟนปี 2562 ได้ไม่นาน 'หัวเว่ย' ก็ต้องเผชิญกับวิกฤตความเชื่อใจของผู้บริโภค เมื่อ 'โดนัลด์ ทรัมป์' ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ออกมาตรการกดดันเชิงนโยบายจนมีกระแสหวั่นใจถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 'หัวเว่ย' และ 'กูเกิล' ฉุดให้ยอดขายและราคาของ P30 ตกลงอย่างต่อเนื่อง

ในงานแถลงข่าวล่าสุดที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี 'หัวเว่ย' กลับมาช่วงชิงพื้นที่การค้าของตนอีกครั้งด้วยขบวนผลิตภัณฑ์ที่วิจัยและพัฒนาออกมาเพื่อเอาชนะคู่แข่งในตลาด ณ ขณะนี้แทบทุกแบรนด์ โดยเลี่ยงการพูดถึงข้อพิพาทกับ 'กูเกิล' อย่างสิ้นเชิง 

Kirin 990 ชิปเซ็ทความหวังใหม่

ชิปเซ็ทความหวังใหม่ของหัวเว่ยนี้ถูกชูมาด้วย 3 จุดเด่นสำคัญ โดยอ้างว่าประกอบไปด้วย (1) รองรับสัญญาณ 5G ได้ดีที่สุด (2) มีระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอที่ฉลาดที่สุด (3) มีประสิทธิภาพการทำงานได้ดีที่สุด

'ริชาร์ด หยู' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป อธิบายว่า Kirim 990 เป็นชิปเซ็ม 5G ที่มีกระบวนการผลิตแบบ 7nm+EUV และโมเด็ม 5G ที่ติดตั้งมาในตัว ส่งผลให้ขนาดของชิปเซ็ทลดลงและเพิ่มประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับชิปเซ็ทในปัจจุบันของแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นชิปเซ็ท 4G คู่กับโมเด็ม 5G และทำให้ 'หัวเว่ย' เป็นแบรนด์แรกที่สามารถผลิตชิปเซ็ท 5G อย่างแท้จริงได้ 

นอกจากนี้ ชิปเซ็ทดังกล่าวยังสามารถรองรับสัญญาณ 5G ได้ทุกรูปแบบทั้งแบบ non-standalone (NSA) ซึ่งเป็นสัญญาณ 5G ที่จะถูกใช้ในระยะแรก โดยเป็นการรวมกันระหว่างคลื่นความถี่ 4G และ 5G และยังรองรับแบบ standalone (SA) หรือการสัญญาณ 5G เต็มรูปแบบในอนาคต 

ด้านการเชื่อมต่อ 'หยู' กล่าวว่า 'หัวเว่ย' ได้พัฒนาให้ชิปเซ็ท Kirin 990 สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้นจากโมเด็ม Balong 5000 ที่บริษัทคิดค้นขึ้นมาเอง ทำให้ความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลสูงถึง 2.3 กิกะบิต/วินาที และความเร็วในการอัปโหลดข้อมูลอยู่ที่ 1.25 กิกะบิต/วินาที

ศักยภาพของ Kirin 990 จะถูกเปิดตัวใน 'Mate 30' สมาร์ตโฟนเรือธงของหัวเว่ยที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ซึ่ง 'หยู' ก็ออกมาให้สัญญาว่า ผู้บริโภคกำลังจะได้พบกับสมาร์ตโฟนที่เล่นเกมได้ลื่นไหลยิ่งขึ้น มีระบบประมวลผลกราฟฟิกที่รวดเร็วขึ้น เอไอมีความฉลาดมากขึ้นจนสามารถตัดต่อและเพิ่มเอฟเฟกต์พิเศษขณะถ่ายวิดีโอ เช่น การเปลี่ยนพื้นหลัง หรือการตัดภาพคนที่ไม่ต้องการออก อีกทั้งยังมีนวัตกรรม dual-domain noise reduction ที่นอกจากจะทำให้ภาพถ่ายคมชัดขึ้น ยังทำให้วิดีโอคมชัดขึ้นด้วย

การกลับมาของตระกูล P30

ในงานครั้งนี้ 'หัวเว่ย' มาพร้อมกับสมาร์ตโฟนตระกูล P30 2 สีใหม่คือ สี Mystic Blue ที่ได้แรงบันดาลใจจากสีของท้องฟ้าซึ่งสะท้อนจากผิวน้ำทะเล และสี Misty Lavender ที่คล้างคลึงกับสีชายหาดภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง พร้อมกับภาพพื้นหลังในธีมเดียวกัน โดยสีตัวเครื่องจะมีทั้งส่วนที่เป็นสีด้านและเป็นสีวาว

นอกจากนี้ P30 ใหม่จะมาพร้อมกับ Andriod 10 และฟีเจอร์ Night Selfie ที่ช่วยเพิ่มแสงสว่างให้กับภาพถ่าย จากศักยภาพของเลนส์ไลก้าที่ดันไอเอสโอได้สูงถึง 409600

โดยสมาร์ตโฟนตระกูล P30 ใหม่นี้จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการมในวันที่ 20 กันยายนนี้ แต่ทาง 'หัวเว่ย' ยังไม่ได้ประกาศราคา รวมถึงประเทศที่จะวางขายอย่างเป็นทางการ 

'FreeBud3' คู่แข่ง AirPods

หลังจากแนะนำชิปเซ็ทตัวใหม่ของหัวเว่ย 'หยู' เลือกที่จะนำเสนอหูฟังไร้สาย FreeBud3 ของบริษัท ด้วยการเปรียบเทียบกับคู่แข่งแทบทุกแบรนด์ในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหูฟังไร้สายของแอปเปิล 

นอกจากการออกแบบที่วิจัยมาเพื่อสรีระหูโดยเฉพาะแล้ว FreeBud3 ยังสามารถกรองเสียงภายนอกได้ 15 เดซิเบล อีกทั้งยังสามารถดักและทำลายเสียงลมขณะพูดคุยได้ ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ดีกับผู้ที่ใช้งานขณะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เช่น ขณะปั่นจักรยานหรือนั่งรถจักรยานยนต์

เนื่องจาก 'หัวเว่ย' ตั้งใจพัฒนา Mate 30 ขึ้นมาให้ผู้บริโภคสามารถเล่นเกมได้สนุกยิ่งขึ้น หูฟัง FreeBud3 จึงถูกพัฒนาให้มีความล่าช้าในการตอบสนองต่อเสียงเหลือเพียง 190 ms หรือหนึ่งในพันส่วนของวินาที ซึ่งนับว่าเป็นแบรนด์หูฟังที่ทำได้ดีที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ โดยมี AirPods ตามมาที่ 220 ms ส่วนหูฟังไร้สายของซัมซุงมีความล่าช้าถึง 564 ms

นอกจากนี้ FreeBud3 ยังใช้งานได้ถึง 4 ชั่วโมงต่อเนื่องกัน และสามารถอยู่ได้ถึง 20 ชั่วโมงในกล่องชาร์จ ส่วนเทคโนโลยีการชาร์จเพิ่มความรวดเร็วขึ้นทั้งการชาร์จแบบมีสาย ที่สามารถทำได้ไวกว่า AirPods 2 ถึงร้อยละ 100 และชาร์จไร้สายได้เร็วกว่าร้อยละ 50 

ขยายสัญญาณไวไฟ

ผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่ 'หัวเว่ย' ขนมานำเสนอในครั้งนี้คือ เราท์เตอร์ Q20 Pro ที่ช่วยให้สัญญาณไวไฟในกระจายได้ทั่วถึงมากขึ้น 

โดยชิปโมเด็ม PLC (power line chip) หรือตัวแปลงสัญญาณอินเทอร์เน็ตเข้าสู่สายไฟบ้าน และ PLC Turbo จะช่วยลดสัญญาณรบกวนจากเครือข่ายอื่นๆ อีกทั้ง Q20 Pro ยังรองรับการสร้างเครือข่ายเครื่องกระจายสัญญาณ ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างไม่สะดุดทั่วบ้าน