ไม่พบผลการค้นหา
'สมคิด-สุดารัตน์' แถลงจับมือเป็นพันธมิตร ชี้แค่ก้าวแรก ปัดควบรวม ยืนยันไม่มีต่อรองตำแหน่ง เก้าอี้นายกฯอยู่ที่ฟ้าลิขิต ย้ำไม่เป็นปฏิปักษ์กับใครเน้นร่วมมือทุกฝ่าย อวย 'หญิงหน่อย' เป็นหญิงแกร่ง เสียสละเพื่อบ้านเมือง

วันที่ 29 ธ.ค.2565 ที่ร้านอาหาร Corner สุขุมวิท 26 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ,โภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย และ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย นัดพูดคุยถึงสถานการณ์ทางการเมือง โดยภายหลังพูดคุยกันกว่า 30 นาที ได้ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

โภคิน ระบุว่า วันนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้ง2 พรรคได้มีการหารือร่วมกัน เพราะมองว่าขณะนี้ประเทศกำลังเกิดปัญาไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เมื่อมีการพูดคุยกันจึงเห็นตรงกันว่า จะต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อให้มีส่วนร่วม และเป็นเจ้าของใช้อำนาจได้อย่างตรงไปตรงมา รวมถึงอยากให้คนที่อยู่ในสนามเลือกตั้ง ไม่ยอมจำนนหรือพ่ายแพ้ต่อเงินและอิทธิพลต่างๆ ต่อสู้อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม วันนี้มาแสดงว่าเราตระหนักในปัญหา และหาทางร่วมมือกันนำพาประเทศไปข้างหน้า

ขณะที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยว่า ตนเอง และสมคิด โภคิน ทำงานร่วมกันมาหลายสิบปี จึงถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์และมองเห็นปัญหาด้วยความห่วงใย และในฐานะที่ตนเป็นแม่คนมองว่าหากยังปล่อยประเทศให้ดำเนินแบบนี้ คนรุ่นใหม่จะอยู่อย่างไร ตนจึงต้องการเข้ามาสร้างพรรคการเมือง เพื่อส่งมอบประเทศที่ดีกว่านี้ให้คนรุ่นต่อไป จึงหารือกันว่าการมาทำงานร่วมกันของพรรคไทยสร้างไทย และพรรคสร้างอนาคตไทย คงไม่ใช่แย่งชิงตำแหน่งแห่งหนกัน และทำให้เกิดการใช้อำนาจเงิน อำนาจรัฐจนการเมืองเดินหน้าไม่ได้ประเทศไปต่อไม่ได้ ขอให้เริ่มต้นที่ตรงนี้ก่อน ยังไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องการแบ่งตำแหน่งใดๆ แต่จะทำงานร่วมมือเป็นพันธมิตรทางการเมืองกันเพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง 

สมคิด กล่าวต่อว่า ตนอยู่ในการเมืองมา 20 ปี และตลอดระยะเวลานี้ได้ตั้งใจทำงานหนักมาโดยตลอดเพราะอยากให้ประชาชนเป็นสุข แต่ไม่เคยเห็นยุคใดสมัยใดที่การเมืองจะค่อนข้างย่ำแย่อย่างถึงที่สุด จนอดเป็นห่วงไม่ได้ ทั้งในเชิงของความรับผิดชอบต่อหน้าที่ทางการเมืองเพื่อขับเคลื่อนประเทศ ทั้งในเชิงของการใช้ทรัพยากรเพื่อแย่งชิงผู้สมัครอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและทำอย่างโจ่งแจ้ง และไม่สามารถบริหารภาครัฐในการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน รวมถึงการขับเคลื่อนประเทศนโยบายให้ก้าวหน้าด้วยความจริงจังและโปร่งใส เราอยู่ในความวังวนของความไม่สามัคคี และพยายามแก้ไขมานานกว่า 10 ปีแล้ว มันน่าเสียดายหากยังปล่อยให้บ้านมันเป็นอย่างนี้ต่อไป ก็จะเป็นอย่างที่คุณหญิงสุดารัตน์พูดว่าประเทศจะค่อยๆถดถอยลง ประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่ใช่แบบนี้ คนไทยไม่ควรทำได้แค่นั่งมองดูและรอชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า ตนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะต้องระวังและหันมาช่วยกันแก้ไขปัญหาของประเทศให้ได้ เพื่อลูกหลานของเรา ซึ่งตนและคุณหญิงสุดารัตน์ โภคิน ร่วมงานกันมานานแล้ว คุณหญิงสุดารัตน์เป็นนักสู้ แข็งแกร่งทำงานหนัก เป็นแม่ที่ดีและเสียสละเวลาให้บ้านเมือง ส่วน โภคินเป็นนักกฎหมายชั้นครู ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาให้ประเทศได้ ส่วน อุตตมะ และ สนธิรัตน์ มีความคุ้นเคยและประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในกระทรวงด้านเศรษฐกิจมามากมาย ดังนั้นการที่ทั้งสองฝ่ายมาพบปะและหารือกัน ก็เพื่อหาทางออกให้กลับบ้านเมือง ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจและการปรองดองของชาติ 

เมื่อถามว่า ในเมื่อร่วมมือกันเหตุใดจึงไม่รวมพรรคกัน โภคิน ระบุว่า ไม่อยากให้มองที่ปลายทางไปก่อน ทุกอย่างต้องเริ่มต้นว่าอุดมการณ์ตรงกันหรือไม่ ยุทธศาสตร์ที่ทำตรงกันหรือไม่ มีอะไรที่แตกต่างกัน หากไม่เริ่มจากตรงนี้ก่อนจะไปถึงปลายสุดไม่ได้ มองว่าต้องคุยกันเป็นระยะ วิธีเมื่อตกผลึกแล้วแจ้งให้ทราบอีกที 

เมื่อถามว่า เป็นการทดลองงานกันก่อนใช่หรือไม่ วงประชุมได้หัวเราะพร้อมกัน ก่อนที่ สมคิด จะกล่าวว่า ไม่มีการทดลองเพราะพวกเราอยู่ในวงการเมืองมา 20 ปี การทำการเมืองในครั้งนี้ตนไม่คิดที่จะทำตั้งแต่แรก เพราะเหนื่อยพอสมควร แต่ที่มาก็เหมือนกับคุณหญิงสุดารัตน์ ที่มีภารกิจต้องทำเพื่อประเทศ ต้องการสร้างพรรคการเมืองที่ดี เป็นหลักให้ประชาชนไม่เคยคิดเรื่องตำแหน่งกรุณาอย่าถามว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯหรือไม่ ไม่ต้องถามตนเลย เพราะในใจตนสิ่งเหล่านี้เป็นปลายเหตุทั้งสิ้น ปลายเหตุทั้งสิ้น พรรคการเมืองที่แก้ไขปัญหาไม่ได้จะมี ส.ส.ไว้ทำไม ดังนั้นต้องฟังนโยบายกันว่าจะต้องทำอย่างไร ส่วนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตนเคยบอกไปแล้วว่าฟ้าประทาน ฟ้าลิขิต 

จากนั้น โภคิน ได้ย้ำว่า ที่คุยกันมาเป็นระยะคิดว่าตรงกันหมด เพราะพวกเราเป็นรุ่นที่เป็นผู้ใหญ่มากแล้ว บ้านเมืองมีทางเลือก 2 ทาง จะใช้ชีวิตประจำวันไปหรือมาทำเพื่อบ้านเมือง เราก็คุยกันว่าไม่ใช่เรื่องตัวตน เป้าหมายที่เราพูดคุยกันคือเรื่องการดูแลผู้คนตั้งแต่เกิดจนแก่ จึงไม่อยากให้สื่อมวลชนถามว่าจะรวมกันวันไหนเมื่อไหร่ ถ้ารวมความคิดได้รวมหัวใจได้เรื่องต่อไป ก็จะไม่ยากเย็น วันนี้ขอเท่านี้ก่อนหากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกที ตอนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ดูจากการนั่งแถลงข่าวดูเหมือนจะห่างเหินกัน ทั้งโต๊ะได้หัวเราะ ก่อนที่คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า นี่นั่งโต๊ะเดียวกันแล้วนะ และสมคิด กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่ายินดี ของพรรคไทยสร้างไทยและพรรคสร้างอนาคตไทย คือเราเห็นตรงกัน ดังนั้นคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันความตั้งใจเดียวกัน ก็เหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ไม่มีความเป็นปฏิบัติไม่ได้ทะเลาะกับใคร แต่วันนี้ต้องการความร่วมมือกับทุกๆฝ่าย 

ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า ดูเหมือนว่าจะเป็นพรรคไทยรักไทย 2 สนธิรัตน์ ตอบว่า เป็นคำถามที่ก้าวหน้าเกินไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการแถลงข่าว คุณหญิงสุดารัตน์ นั่งเล่นมือถือตลอดจึงทำให้ถูกมองว่ามีความห่างเหินระหว่างกัน แต่ภายหลัง คุณหญิงสุดารัตน์ ชี้แจงว่า ที่ตนดูมือถือบ่อยนั้นเพราะกำลังติดตามเรื่องญาติผู้ใหญ่ที่ประสบอุบัติเหตุล้มเมื่อช่วงเข้าอยู่