นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า ในวันขอบคุณพระเจ้าปีนี้ รู้สึกขอบคุณครอบครัวและตัวเอง เพราะได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ให้กับประเทศ สหรัฐฯ เข้มแข็งขึ้นมากนับตั้งแต่ตนขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เศรษฐกิจก็ดีกว่าทุกประเทศบนโลก และไม่มีใครบริหารกองทัพได้ดีเท่าตนอีกแล้ว
นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังกล่าวสุนทรพจน์ขอบคุณทหารอเมริกันที่ประจำการอยู่ทั่วโลก เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า แต่เขาถูกวิจารณ์ว่า ฉวยโอกาสในวันขอบคุณพระเจ้ามาพูดถึงเรื่องการเมือง ทั้งที่ตามธรรมเนียม สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีจะเป็นการปลุกขวัญกำลังใจของทหารอเมริกัน และทำให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของทหาร
นายทรัมป์เปรียบการกีดกันคาราวานผู้อพยพบริเวณชายแดนติดกับเม็กซิโกกับการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน โดยมองว่าเม็กซิโกไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ผู้อพยพในประเทศได้ และหากสถานการณ์ผู้อพยพในสหรัฐฯ เลวร้ายลงหรือมีคนได้รับบาดเจ็บ สหรัฐฯ จะปิดพรมแดนจนกว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้
ก่อนหน้านี้ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ขัดขวางการแก้ไขกฎหมายผู้อพยพของสหรัฐฯ โดยห้ามไม่ให้รัฐบาลสกัดผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย เพื่อขอสถานะผู้ลี้ภัย ทำให้นายทรัมป์โจมตีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันขอบคุณพระเจ้าว่า การตัดสินของศาลอุทธรณ์เป็นเรื่องน่าอับอาย และมองว่าผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เป็น "หอกข้างแคร่สำหรับฝ่ายเรา"
นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังถามผู้บัญชาการหน่วยยามฝั่งของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการค้า โดยกล่าวว่า ประเด็นนี้เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเขา เพราะทุกประเทศพยายามเอาเปรียบทางการค้ากับสหรัฐฯ แต่ผู้บัญชาการตอบว่า เขาไม่พบปัญหาใดๆ เกี่ยวกับการค้าเลย
ที่มา : The Guardian, CNN
