ไม่พบผลการค้นหา
'ณัฐพงษ์' ประเมิน 'ดิจิทัลวอลเล็ต' ห่วงเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจยังไม่รองรับธุรกรรมจำนวนมหาศาล คาดรัฐบาลใช้ผสมระบบการเงินรวมศูนย์แบบเดิม เห็นพ้อง 'ผู้ว่า ธปท.' GDP ไทยเริ่มฟื้น แจกเงินอาจไม่เหมาะ

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.แบบบัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้ความเห็นและประเมินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล โดยระบุว่า ถ้าฟังจากเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยให้ไว้ คือต้องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล โดยนำนโยบายดิจิทัลวอลเลตมาขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดการใช้งาน และให้เกิดการยอมรับ

ส่วนตัวมองว่า ไม่ได้ขัดข้องที่อาจจะต้องมี National Blockchain หรือบล็อกเชนแห่งชาติ แต่ต้องคิดถึงด้วยว่าจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร จะใช้ในเรื่องของดิจิทัลวอลเลต หรือสามารถใช้ในเรื่องอื่นๆ เช่น Supply Chain สืบย้อนดูว่าผลผลิตทางการเกษตรนี้มาจากผู้ผลิตคนใด ให้เห็นที่มาที่ไป รวมถึงการจัดการปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการเผาไหม้ในต่างประเทศ ก็สามารถนำบล็อกเชนมาใช้งานได้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเทคโนโลยีบล็อกเชนปัจจุบันอาจยังไม่สามารถรองรับธุรกรรมจำนวนมหาศาล เช่นระดับ 10,000 ธุรกรรมต่อวินาทีขึ้นไป จะเห็นว่าน้อยมากที่จะใช้บล็อกเชนไปตอบโจทย์ธุรกรรมที่มากขนาดนั้น จึงมีข้อห่วงใยจากหลายคนในแวดวงบล็อกเชนว่าทำได้จริงหรือไม่

ณัฐพงษ์ ประเมินว่า โครงการจะออกมาในรูปแบบผสมผสาน ตามข่าวสารจากบุคคลวงในที่ให้ความเห็นว่าอาจใช้ตัวประเมินผลธุรกรรมเป็น Centralize Finance (ระบบการเงินที่มีตัวกลาง) แบบเดิม และให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ประมาณ 4-5 แห่ง เป็นผู้ดูแลระบบ ขณะที่บล็อกเชนเป็นตัวเก็บข้อมูลสำรองไว้ตรวจสอบความถูกต้องย้อนหลัง ส่วนตัวเชื่อว่าจะเป็นรูปแบบนี้

สำหรับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ณัฐพงษ์ มองว่า ความเห็นของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ค่อนข้างตรงจุดที่สุด ที่ระบุว่าตัวเลขมูลค่าการบริโภคของไทยเริ่มฟื้นแล้ว ส่วนมาตรการแจกเงินควรแจกในตอนที่ไทยเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ต้องปั๊มหัวใจ อย่างไรก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้ตนเองอาจให้ความเห็นได้ไม่ดีเท่ากับนักเศรษฐศาสตร์