ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี กล่าวปาถกฐาพิเศษ เรื่อง 'การปฏิรูปประเทศสู่ไทยมั่งคั่ง ไ���ยมั่นคง ไทยยั่งยืน' ย้ำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ได้หวังหาเสียงทางการเมือง ระบุ ประเทศไทยไม่ได้มีความสำคัญเรื่องประชาธิปไตยหรือการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีความมั่นคงของประเทศ รวมถึงความน่าเชื่อถือด้วย

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวปาถกฐาพิเศษ เรื่อง 'การปฏิรูปประเทศสู่ไทยมั่งคั่ง ไทยมั่นคง ไทยยั่งยืน' ในงานสัมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 36 โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไว้ให้ลูกหลาน ไม่ได้สืบทอดอำนาจ ดังนั้นอยากให้ทุกคนเข้าใจ ทั้งเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายต่างๆ 

นายกรัฐมนตรี ยังเผยว่า เวลาที่ไปพบกับชาวต่างชาติ ก็บอกว่าอยากมาเที่ยวประเทศไทย เพราะธรรมชาติสวยงาม อาหารอร่อย และคนไทยมีรอยยิ้มของคนไทย ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้เราต้องรักษาไว้ เพราะทำให้การท่องเที่ยวและบริการของประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เวลาตนไปต่างประเทศตนก็ยิ้มตลอด แต่พอกลับมาเมืองไทย ก็ยิ้มไม่ออกเหมือนกัน ยอมรับว่ากดดัน เพราะมีหลายๆ อย่างต้องแก้ไข และต้องทำให้ประเทศดีขึ้น 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลเอาใจใส่เรื่องการค้าขายข้าว และสินค้าเกษตร ในต่างประเทศยากขึ้น แต่รัฐบาลก็ให้ความสำคัญและต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อย เพื่อแก้ปัญหาค้าขาย สินค้าเกษตรกรรม ที่ราคาต้องดี โดยหวังว่าพี่น้องเกษตรกรจะมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 

ส่วนการปฏิรูปประเทศ ต้องมองปัญหาอุปสรรค และมองหาโอกาส เพื่อไปสู่การพัฒนา โดยเฉพาะเรื่องกฏหมาย มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวก รัฐบาลพร้อมอำนวยความสะดวกด้วยการแก้กฏหมาย เพื่อให้การปฏิรูปเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้นรัฐบาลและหอการค้าต้องช่วยกับขับเคลื่อนในบทบาทของตัวเองให้ดีที่สุด พร้อมมุ่งมั่นสนับสนุนเอกชนให้ดีที่สุด หลายอย่างวันนี้ดีขึ้น แต่ยังช้าอยู่ ตนเป็นทหารเลยใจร้อน วันนี้ถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว แต่ทั้งหมดต้องได้รับความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน และประชาชน 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าว เศรษฐกิจฐานรากที่ยังไม่เติบโตเท่าที่ควร เพราะทรัพยากรมนุษย์ยังไม่เกิดการเรียนรู้ ในสิ่งใหม่ๆ ยังไม่ปรับให้ทันเท่ากับการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลจึงมีมาตราต่างๆ ออกมา เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยออกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยไม่ใช่เพื่อการหาเสียง แต่รัฐก็ระมัดระวังในการที่จะใช้งบประมาณ ในการช่วยเหลือภายใต้กรอบการเงินการคลัง เพื่อไม่ให้ผิดกฏหมาย และโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลจัดทำขึ้น ทั้งโครงการอีซีซี รถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูง ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับคนรวย แต่ต้องการทำให้ประชาชนทุกระดับ เข้าถึงการคมนาคม 

ในระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา มีการขอยื่นการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านปิโตรเคมี และในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำสิ่งต่างๆ ขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องง่าย และคนที่มาบอกว่าจะล้มสิ่งที่รัฐบาลทำมา ทำเพื่ออะไร รัฐบาลพร้อมรับฟังในทุกๆ ด้าน ทั้งจากสื่อและการร้องเรียนจากประชาชนในทุกช่องทาง เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ตรงจุด แต่ต้องทยอยดำเนินการ เพราะต้องใช้งบประมาณสูง เพื่อลดความเหลือล้ำและสร้างความเป็นธรรมให้ทุกคน 

นายกรัฐมนตรียังบอกว่า รู้สึกเหนื่อย เพราะอยู่ 4 ปี ปัญหาก็เยอะ และจากการเยือนเยอรมนี นายกรัฐมนตรีเยอรมันได้สอบถามว่า การเป็นทหารหรือเป็นรัฐบาลแตกต่างหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรี บอกว่า ก็ทำงานเหมือนกับตอนที่เป็นทหาร แม้ทหารจะมีความเสี่ยง แต่ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำเหมือนกัน เช่นเดียวกับการเป็นรัฐบาล ทั้งยังชี้แจงถึงความจำเป็นของนายกรัฐมนตรี เพราะบ้านเมืองมีปัญหา ซึ่งส่วนตัวก็ไม่เคยปฏิเสธการเลือกตั้ง และการเป็นประชาธิปไตย แต่ทุกคนต้องยอมรับว่าหลังเลือกตั้งจะดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น ยืนยัน จะเดินหน้าตามโรดแมปที่วางไว้ 

นายกรัฐมนตรี ยังระบุ ประเทศไทยไม่ได้มีความสำคัญแต่ประชาธิปไตย หรือการเลือกตั้ง แต่ยังมีความมั่นคงของประเทศและความน่าเชื่อถือด้วย ส่วนที่มีการระบุว่า ช่วงของการเลือกตั้งจะทำให้เงินสะพัดในประเทศนั้น แต่หากเป็นเรื่องของการไปมาหาสู่หรือการจับจ่ายก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ขออย่าให้เป็นการแพร่สะพัดแบบไม่ปกติ ซึ่งประชาชนต้องช่วยกันคิด หากต่อไปพรรคการเมืองหาเสียงได้ ให้ไปถามพรรคการเมืองว่ามีวิธีการแก้ปัญหาให้กับประเทศอย่างไร แก้ปัญหาทุจริตอย่างไร 

นายกรัฐมนตรียังย้ำว่า ตนไม่ได้มีผลประโยชน์กับใครหรือหน่วยงานใด แต่หากใครอ้างชื่อนายกรัฐมนตรีและคนในรัฐบาลให้ส่งมา และจะดำเนินการให้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: