ไม่พบผลการค้นหา
'อนุ กมธ. ด้านความมั่นคง' แจงเหตุตัดงบซื้อเรือฟริเกต เพื่อให้รอบคอบ-ซื้อในปี 68 แทน เพราะ 'ทัพเรือ' ยังชี้แจงไม่ชัดเจน ซื้อจากประเทศอะไรยังไม่รู้เลย ย้ำไม่กระทบความสามารถป้องกันประเทศ

วันที่ 20 มี.ค. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 27 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 วันแรกของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 3.48 ล้านบาท วาระที่ 2-3 ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ในการพิจารณามาตรา 8 ว่าด้วยงบกระทรวงกลาโหม ธเนศ เครือรัตน์ ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านความมั่นคง ได้กล่าวชี้แจงกรณีที่สมาชิกสอบถามเกี่ยวกับการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบก

โดย ธเนศ ชี้แจงว่า ทางกองทัพบวกได้ทำหนังสือชี้แจงมายังกรรมาธิการฯ ซึ่งได้รับการอนุมัติจากสภาคอนเกรส สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2566 จึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องซื้อ ทางกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก จึงอนุมัติให้กองทัพบกได้ซื้อด้วยวงเงิน 9 พันล้านบาทเศษ

ส่วนที่สมาชิกอ้างว่ากองทัพบกมีเฮลิคอปเตอร์ประจำการถึง 150 ลำนั้น อาจเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะจำนวนเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวถูกปลดประจำการไปแล้วเกือบทั้งหมด ยังเหลือ Black Hawk ประจำการอยู่ เพียง 23 ลำ ซึ่งจะจัดซื้อเพิ่มเติมอีก 3 ลำ

สำหรับกรณีของการจัดซื้อเรือฟริเกตของกองทัพเรือ สมาชิกที่อภิปรายก็เป็นกรรมาธิการ จึงควรทราบดีว่าการพิจารณางบของกองทัพเรือทำไปอย่างรอบคอบ ถึง 2 ครั้ง ไม่ได้สุกเอาเผากิน แต่เนื่องจากครั้งแรกกองทัพเรือไม่ได้มีเอกสารใดๆ มาชี้แจงเลย จึงมีการนัดพิจารณาใหม่ ซึ่งกองทัพเรือได้ชี้แจงว่า โครงการจัดหาเรือฟริเกต 1 ลำ วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาปี 2567-2571 และในการจัดซื้อเรือฟริเกตจะมีการจ้างแรงงานจากคนไทย เป็นสัดส่วนประมาณ 17% ของงบประมาณ

อย่างไรก็ตาม เมื่ออนุกรรมการได้ขอรายละเอียดเรื่องการจ้างงานดังกล่าว ก็ยังไม่ได้รับคำตอบมาจนถึงปัจจุบันนี้ รวมถึง TOR ก็ยังไม่มีความชัดเจน ตลอดจนยังไม่ทราบว่าจะซื้อเรือจากประเทศอะไร ในทั้งหมด 5 ประเทศ คือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศเยอรมันนี ประเทศอิตาลี ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศสเปน ซึ่งกรรมาธิการฯ เป็นห่วงว่า ในระยะเวลาการจัดซื้อเรือที่เหลือเวลาเพียง 5 เดือน ก็เกรงว่าจะเกิดปัญหาแบบเรือดำน้ำอีก ซึ่งในจำนวนกรรมาธิการ 9 คน ที่มีทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน มีความเห็นแตกต่างกัน ทางกรรมาธิการจึงมีมติให้ตัดลดงบส่วนนี้ไป

จากนั้น ทางกองทัพเรือก็ยังติดใจกับการตัดลดงบประมาณ จึงเข้ามาอุทธรณ์ในกรรมาธิการชุดใหญ่ ก็ยังมีเสียงส่วนมากจากกรรมาธิการชุดใหญ่ให้ตัดลดงบประมาณลง ด้วยเหตุผลต่างๆ ที่ได้กล่าวไปแล้ว อากรรมาธิการเห็นความจำเป็นของการจัดซื้อเรือฟริเกตเพื่อเสริมสร้างความสามารถของกองทัพ แต่ก็เห็นว่าควรจะจัดซื้อในปีต่อไป เพื่อความรอบคอบ และไม่สร้างปัญหาตามมาอีก อย่างกรณีของเรือดำน้ำ

ทางกรรมาธิการขอยืนยันว่า ไม่แต่ละหน่วยงานที่ถูกตัดลดงบประมาณลง จะไม่กระทบต่อความสามารถในการป้องกันประเทศ และหากทางคณะรัฐมนตรีเห็นว่าการจัดซื้อเรือฟริเกต 1.7 หมื่นล้านบาท ก็สามารถนำเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาซื้อในปี 2568 ได้ทัน

ในที่สุด ที่ประชุมสภาฯ มีมติเสียงข้างมากเห็นชอบตามการแก้ไขของกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก 284 เสียง และเสียงไม่เห็นชอบ 163 เสียง