ไม่พบผลการค้นหา
10 เดือนเศษ จากเหตุกราดยิงห้างดังโคราช ถึงศาล รธน. ให้ 'ประยุทธ์' รอดข้อหาขัดรัฐธรรมนูญ แต่ปมทุจริตโครงการสวัสดิการบ้านทหารชั้นผู้น้อยยังไร้ความชัดเจน

ปฐมบทคดี ‘บ้านพักหลวง’ อาจไม่ได้เริ่มที่พรรคเพื่อไทยยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ แต่ต้องสืบสาวกลับไปให้เครดิตโศกนาฏกรรมกราดยิง 30 ศพในห้างเทอมินัล 21 จ.นครราชสีมา

‘วอยซ์’ เปิดไทมไลน์ย้อนอดีต เพื่อดูว่ากรณีบ้านพักทหารที่สร้างความเคลือบแคลงสงสัยแก่สาธารณชน เริ่มต้นมาอย่างไร และมีปลายทางอย่างไร

8-9 กุมภาพันธ์ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ที่มีความสามารถและชำนาญการยิงปืนระยะไกล ได้บุกไปก่อเหตุยิง พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแส ผู้บังคับบัญชา ทหารสังกัดกรมสรรพวุธ และนางอนงค์ มิตรจันทร์ แม่ยาย เสียชีวิตที่บ้านพัก จากนั้นมือปืนได้บุกไปก่อเหตุกราดยิงปราะชาชนที่ห้างเทอมินัล 21 จ.นครราชสีมา ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมในที่สุด โศกนาฏกรรมครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตรวม 31 คน บาดเจ็บ 57 คน

10 กุมภาพันธ์ รายงานจากการสืบสวนของตำรวจ เจ้าของคดีพบว่า กรณีกราดยิงดังกล่าวมีมูลเหตุจูงใจจาก จ.ส.อ.จักรพันธ์ มีความเครียดจากกรณีปมถูกโกงเงินทอนจากการซื้อบ้านพักทหารในโครงการสวัสดิการทหารที่ตำบลโคกกรวด ซึ่งมีนางอนงค์ ผู้ตาย ดำเนินการทางธุรกรรมต่างๆ ให้ แต่จากความเข้าใจผิดของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ว่าตัวเองจะได้เงินคืนประมาณ 4 แสนบาท เมื่อเกิดการทวงถามและนัดไกล่เกลี่ยพร้อมกันกับ พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ และนางอนงค์ กลับไม่สามารถตกลงคืนเงินให้ได้ ทำให้ จ.ส.อ.จักรพันธ์ บันดาลโทสะก่อเหตุในที่สุด 

รายงานการสอบสวนยังพบว่าโครงการบ้านจัดสรรที่เป็นเครือญาติกับนายทหาร มีการทำเป็นขบวนการ โดยเสนอขายให้ทหารชั้นผู้น้อยในราคาถูก ผ่านการดำเนินการกู้เงินจากกรมสวัสดิการทหารบก โดยประเมินราคาบ้านให้สูงกว่าความเป็นจริง เพื่ออนุมัติเงินกู้ในวงเงินที่สูงก่อนจะทอนคืนให้ทหารชั้นผู้น้อย แต่กองทัพบกออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงและว่ากรณีกราดยิงเป็นปัญหาส่วนตัวของ จ.ส.อ.จักรพันธ์

12-13 กุมภาพันธ์ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. เคยชี้แจงถึงกรณีเหตุกราดยิงโคราชว่าพบข้อมูลว่ามีนายทหารยศ พ.อ. และ พ.ท. ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ถูกกล่าวหาพัวพันเรื่องทุจริตไม่จ่ายเงินตอบแทนและการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ จึงมีคำสั่งให้ พ.อ.อุทัย แฝงกระโทก หัวหน้ากองยุทธการ (หก.กยก.) มณฑลทหารบกที่ 25 อดีตผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 (ผบ.ร.23 พัน.3) ย้ายมาช่วยราชการที่กองกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 2 (กกร.ทภ.2) และ พ.ท.ที เพิ่มพล ผบ.ร.23 พัน.3 ย้ายมาช่วยราชการที่ กองกำลังพล กองทัพภาคที่ 2 (กกพ.ทภ.2)

นอกจากนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ยังมีคำสั่งไปยังกรมสวัสดิการทหารบก ให้นายทหารที่เกษียณราชการย้ายออกจากบ้านพักหลวงภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เพื่อเป็นการจัดระบบบ้านพักสวัสดิการของทหารใหม่ โดยจะจัดให้ทหารที่ยังไม่เกษียณอายุราชการได้เข้าไปพักอาศัยต่อขณะผู้เกษียณราชการแล้ว แต่ยังทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติให้พักอาศัยอยู่ได้ตามปกติ

26 กุมภาพันธ์ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการทหาร ในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประเด็นจงใจขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 (3) ว่าหลังเกษียณจาก ผบ.ทบ. ยังอยู่ในบ้านพักทหารโดยไม่ได้เสียค่าเช่าให้กับทางราชการ ทั้งที่ตามระเบียบกองทัพบก กำหนดให้ข้าราชการ อาคารบ้านพักให้อยู่ความดูแลของกรมสวัสดิการทหารบก ผู้มีสิทธิ์เข้าพักต้องเป็นราชการประจำหรือลูกจ้างประจำ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ เกษียณราชการตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2557

9-10 มีนาคม สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ และ รมว.กลาโหม สิ้นสุดลงหรือไม่จากปมการอาศัยในบ้านพักทหาร จากนั้น ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งเรื่องต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา

11 มิถุนายน ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องของพรรคเพื่อไทยไว้พิจารณาวินิจฉัย และให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาล โดยพล.อ.ประยุทธ์ เขียนคำชี้แจงถึงศาลรัฐธรรมนูญ โดยระบุที่อยู่ภูมิลำเนา (ตามบัตรประชาชน) ว่า อยู่บริเวณ ถ.พหลโยธิน ซ.ร่วมมิตร แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. ขณะที่ระบุที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้คือทำเนียบรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำหนังสือชี้แจง มีสาระสำคัญอ้างว่าบ้านเมืองมีสถานการณ์ม็อบจึงต้องอยู่บ้านพักในค่ายทหาร เพื่อสะดวกในการรักษาความปลอดภัย ขณะที่เมื่อเกษียณอายุราชการ ประเทศยังคงใช้กฎอัยการศึก มีความจำเป็นใช้บ้านพักในบริเวณ ร.1 รอ. เป็นที่หารือหรือประชุมในทางราชการเป็นครั้งคราว ซึ่งระเบียบของกองทัพบกก็ให้อยู่อาศัยได้

4 พฤศจิกายน ศาลรัฐธรรมนูญชี้แจงว่า ศาลได้ประชุมปรึกษากันแล้วเห็นว่าคดีมีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ และกำหนดนัดแถลงด้วยวาจาก่อนลงมติในวันที่ 2 ธันวาคม

30 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า หากทำความดีเพื่อชาติ แผ่นดิน และพระมหากษัตริย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะคุ้มครอง ตนยืนมาได้ทุกวันนี้เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เพื่อทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า 

2 ธันวาคม ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ พล.อ.ประยุทธ์ รอดทุกข้อหา ไม่มีการกระทำใดขัดรัฐธรรมนูญตามที่พรรคเพื่อไทยร้องเรียน ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีการตอบคำถามต่อสื่อมวลชน เพียงแต่ส่งยิ้มให้เล็กน้อย หลังรับทราบผลว่ารอดคดี   

สรุป คดีบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ จบไปแล้ว ขณะที่คดีโครงการบ้านพักของทหารชั้นผู้น้อยยังไร้ความชัดเจน ส่วน จ.ส.อ.จักรพันธ์ ไม่มีโอกาสอ้างทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติแบบ พล.อ.ประยุทธ์ อีกต่อไป !