บลูมเบิร์กรายงาน โดยอ้างอิงข้อมูลจากFitch Solutions ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุน ระบุว่า ญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากที่สุดโดยมีการลงทุนแล้วกว่า 367,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่จีนมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคนี้ 255,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในข้อมูลยังระบุว่า ประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีการลงทุนจากญี่ปุ่นมากที่สุด เมื่อเทียบกับอัตราส่วนของโครงการการลงทุนระหว่างจีนและญี่ปุ่น โดยเวียดนามมีการลงทุนจากญี่ปุ่นถึง 74 โครงการและมีการลงทุนจากจีนเพียง 25 โครงการเท่านั้น
ขณะที่ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการลงทุนจากญี่ปุ่นมากกว่าจีน โดยมีการลงทุนจากญี่ปุ่น 15 โครงการและจากจีน 9 โครงการ นอกจากนี้ยังมีฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และติมอร์เลสเตที่เป้นประเทศที่มีการลงทุนของญี่ปุ่นมากกว่าจีน
ทั้งนี้การลงทุนของญี่ปุ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นเงินทุนมากกว่าครึ่งได้เข้าไปลงทุนในเวียดนาม ซึ่งมีการลงทุนไปแล้วกว่า 209,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมไปถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมระหว่างฮานอยและโฮจิมิน ซิตี้มูลค่า 58,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทางด้านธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ประเมินว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะต้องใช้เงินกว่า 210,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในแต่ละปีในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนั้บตั้งแต่ปี 2016 - 2030 เพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ปัจจุบันทั้งญี่ปุ่นมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานใน 10 ประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งสิ้น 240 โครงการ ขณะที่จีนมีโครงการลงทุน 210 โครงการซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ลาว และมาเลเซีย