ไม่พบผลการค้นหา
โฆษกพรรคเพื่อชาติ เสนอว่าสังคมต้องช่วยกันคิดว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้พรรค ปชป. และ ภูมิใจไทย เลือกยอมฝ่ายสืบทอดรัฐประหาร ทั้งที่ต้องแลกกับการขัดใจประชาชน เป็นเพราะสาเหตุสำคัญอะไร

นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติเสนอว่า สังคมต้องช่วยกันคิดว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ และ ภูมิใจไทย เลือกยอมฝ่ายสืบทอดรัฐประหาร ทั้งที่ต้องแลกกับการขัดใจประชาชนผู้ที่กำหนดชะตากรรมนักเลือกตั้งเป็นเพราะสาเหตุสำคัญอะไร สังคมต้องเรียนรู้จากสาเหตุของปัญหานี้และหาแนวทางแก้ไข 

จากข่าวการจัดตั้งรัฐบาล 2 เดือนที่ผ่าน จะเห็นว่าตัวแปรพรรคลำดับที่ 4 และ 5 ที่เคยหาเสียงว่า “ฟังกันชัดๆ ผมไม่สนับสนุนคุณประยุทธ์” กับ “นายกรัฐมนตรีต้องมาจากพวกผมไม่ใช่จาก ส.ว.” พยายามซื้อเวลาจนถึงวินาทีสุดท้าย จึงเปิดเผยว่าจะไปสนับสนุนการสืบทอดอำนาจรัฐประหารคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยตลอดเวลา 2 เดือนที่ผ่านมามีข่าวแย่งชิงส่วนแบ่งตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญ จนเป็นที่ขบขันของประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ แต่ในความขบขันกลับเป็นผลดีที่ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่หันมาปฏิเสธการสืบทอดอำนาจ เช่นในกลุ่มผู้เล่นเกมออนไลน์กลุ่มหนึ่งเดิมก่อนเลือกตั้งมีผู้สนับสนุนอนุรักษ์นิยมและสืบทอดรัฐประหารร้อยละ 23 แต่ข่าวฝ่ายแพ้เลือกตั้งที่คะแนนน้อยกว่าดึงดันจะตั้งรัฐบาล และข่าวแย่งชิงตำแหน่งทำให้ในวันนี้ในกลุ่มเกมออนไลน์นั้นไม่เหลือผู้สนับสนุนสืบทอดอำนาจอีกเลย จากกระแสนี้ตนทราบว่าทั้งสองพรรคทราบ จึงดึงเวลาการตอบรับการสืบทอดรัฐประหารจนวินาทีสุดท้าย

"สังคมต้องวิเคราะห์ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ทั้ง 2 พรรค ต้องเลือกสนับสนุนสืบทอดรัฐประหาร จะบอกว่าเพราะผลประโยชน์ในสัดส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีก็ไม่ใช่ เพราะทางพรรคฝ่ายประชาธิปไตย 7 พรรคที่มีความชอบธรรมได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนกว่าร้อยละ 70 ที่มีเป้าหมายเดียวคือต้องการหยุดสืบทอดอำนาจรัฐประหาร ยินดีมอบทุกตำแหน่งรัฐมนตรีในทุกกระทรวงที่สองพรรคนี้ต้องการให้ แล้วปัจจัยสำคัญที่ทำให้สองพรรคนี้ต้องเลือกสืบทอดอำนาจรัฐประหารโดยขัดสัญญาประชาคมที่ให้กับประชาชนก่อนการเลือกตั้งคืออะไร" นางสาวเกศปรียา กล่าว

นางสาวเกศปรียา กล่าวว่า ประเด็นที่น่าสนใจที่น่าจะมีผลกับการตัดสินใจที่ค้นเจอในสังคมออนไลน์คือ 13 ปีที่ผ่านมา ระบบยุติธรรมไทยมีปัญหาในเรื่องความเชื่อมั่น โดยเฉพาะความยุติธรรมในสังคมนักการเมือง ซึ่งความผิดกรณีเดียวกันแต่ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้น เช่นกรณีผู้สมัคร สส. ครองหุ้นสื่อ มีกว่า 30 ราย พรรค พปชร. พรรคเดียว 27 ราย กรณีนี้กระบวนการเริ่มต้นความยุติธรรมก็แตกต่างกันอย่างเด่นชัด ผู้สมัครพรรคอื่นๆ ยังไม่มีข่าวการนำข้อร้องเรียนมาดำเนินการ มีเพียงของพรรคอนาคตใหม่ที่ยืนหนึ่งเรื่องหยุดสืบทอดรัฐประหารและมีแนวคิดต้องการปฏิรูปประเทศที่ฝ่ายเผด็จการทหารและอนุรักษ์นิยมตกใจรับไม่ได้ต่อการเปลี่ยนแปลงที่ถูกนำเสนอ ถูกดำเนินการตัดสิทธิ์แล้ว 1 ราย และเรื่องอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญอีก 1 รายกรณีของคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

“สังคมทั่วไปรับทราบว่านักการเมืองรุ่นเก่าในสังคมไทยไม่ใช่ผ้าขาว ส่วนใหญ่จะมีสีเทาไปจนถึงสีดำ สามารถค้นเจอความไม่สะอาดติดตัวไม่มากก็น้อย ดังนั้นทุกคนมีบาดแผล ทำให้การเลือกอยู่กับฝ่ายที่ควบคุมทุกองคาพยพในสังคมไทยได้เป็นสิ่งจำเป็นในการตัดสินใจสนับสนุนสืบทอดรัฐประหารใช่หรือไม่ สังคมจะยอมจำนนต่อปัญหานี้ หรือพร้อมจะเรียนรู้และแก้ไขให้ถูกต้อง” นางสาวเกศปรียา กล่าว