ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยการกระทำความผิดของพรรคก้าวไกล และให้เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรค โดยข้อกล่าวหาในคำร้องของณฐพร ระบุว่า พรรคก้าวไกลกระทำผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 45 และมาตรา 92 (2) (3) จากกรณีการแสดงความเห็นทางการเมือง การเข้าร่วมกับผู้ชุมนุม และการประกันตัวผู้ต้องหาในคดีชุมนุมทางการเมือง รวมถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล เตรียมยื่นร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ในฐานความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาททั้งหมด รวมถึงมาตรา 112 ร่างแก้ไข พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560, ร่างแก้ไข พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 และการลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับไอลอว์
ณฐพร ชี้ว่า การกระทำทั้งหมดนี้ของพรรคก้าวไกล เข้าข่ายการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ กรณีที่มีผู้กระทำผิดมาตรา 112 อย่างซึ่งหน้า และบุคคลในพรรคก้าวไกลก็เข้าไปช่วยประกันตัว รวมทั้งมีความพยายามยื่นญัติเพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย ฉะนั้นถือว่ามีองค์ประกอบความผิดที่ชัดเจน จึงได้มายื่นเรื่องให้ กกต. ทำหน้าที่พิจารณา โดยได้ยื่นพยานหลักฐานทั้งหมดที่จะแสดงถึงความเชื่อมโยงระหว่างพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า และกลุ่มผู้ชุมนุม
ทั้งนี้ณฐพร เคยยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2562 โดยครั้งนั้นได้กล่าวหาว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ มีแนวคิดและเจตนาล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยกรณีเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า คดีอิลูมินาติ แต่ในครั้งนั้นศาลรับธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกร้องไม่เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข