ไม่พบผลการค้นหา
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงข่าวกรณี 'แกนนำราษฎร' หวั่นถูกทำร้าย ยืนยันเจ้าหน้าปฏิบัติตามหลักสากล พร้อมให้ตรวจสอบกล้องหากศาลร้่องขอ

ที่กรมราชทัณฑ์  อ.เมือง ต.สวนใหญ่ จ.นนทบุรี อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้แถลงข่าวถึงกรณีการควบคุมตัวแกนนำราษฎรเมื่อคืนวันที่ 15 มี.ค. ตามที่อานนท์ นำภา ได้ยืนคำร้องขอให้ศาลไต่สวนเนื่องจากกังวลว่าจะเกิดเหตุอันตรายระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ

อายุตม์ ชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการตรวจโควิด-19 เพราะไม่ได้นำตัวไปนอกแดน และเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าหน้าที่จะไปทำร้ายผู้ต้องขัง ในส่วนนี้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ยึดหลักสิทธิมนุษยชน โดยเจ้าหน้าที่พยายามพูดจาอย่างสุภาพ แต่ทางผู้ต้องขังไม่ยินยอม 

"ขอเรียนว่าผู้ต้องขังที่ต้องอยู่ในเรือนจำจะต้องปฏิบัติตามระเบียบของเรือนจำ ระเบียบของกรมราชทัณฑ์ จะปฏิเสธไม่ได้เพราะเราปฏิบัติเท่าเทียมกันหมด เราดูตามมาตรฐานหลักสากล"

ในส่วนจดหมายที่ถูกนำมาเผยแพร่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ย้ำว่าไม่มีการใช้โซเชียลมีเดียภายในเรือนจำ เพราะเป็นข้อห้ามทางกฎหมาย ส่วนจดหมายนั้น ขณะนี้ทางศาลกำลังเร่งตรวจสอบ

เมื่อถามว่าสามารถเผยแพร่ภาพกล้องวงจรปิดในวันเกิดได้หรือไม่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า ภาพถ่ายต่างๆในเรือนจำเป็นเรื่องของความมั่นคง แต่ถ้าหากศาลเรียกดูก็พร้อมให้ถูกตรวจสอบ เราดูแลทุกคนอยู่ในเรือนจำอย่างมีมาตรฐาน 


"เราไม่ยอมให้ใครทำร้ายผู้ต้องขังทางเรือนจำ อุปกรณ์ที่เจ้าหน้าที่เรือนจำใช้ ก็ไม่เคยพกปืนเข้าไป ก็มีแค่อาวุธประจำตัวตามกฎหมาย คือกระบองเท่านั้น"

สำหรับกรณีการอดอาหารของ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หนึ่งในแกนนำ อธิบดีกรมกราชทัณฑ์ ระบุว่าจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องขังประสงค์อดอาหาร แต่ขอน้ำหวานและเกลือแร่ โดยราชทันณฑ์ได้จัดให้ตามที่ร้องขอ และได้ติดตั้งกล้องวงจรเพื่อสังเกตอาการของผู้ต้องขัง และเตรียมพร้อมทีมแพทย์กรณีที่เจ็บป่วย


ตรวจโรคยามวิกาลไม่ใช่เรื่องแปลก

ต่อข้อสงสัยเหตุใดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจในยามวิกาล 'วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์' รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฏิบัติการ ระบุว่า สืบเนื่องจากในวันดังกล่าว ศาลมีคำสั่งย้ายผู้ต้องขัง 3 ราย ได้แก่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา , ภาณุพงศ์ จาดนอก และปิยรัฐ จงเทพ จากเรือนจำพิเศษธนบุรีมาคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯตามหมายขัง ในเวลา 18.40 น. ซึ่งทุกรายต้องถูกคัดกรองโรคโควิด-19 ก่อนเข้าไปอยู่แดน 2

กรมราชทัณฑ์แถลงประเด็นแกนนำคณะราษฎร_210317_4.jpg
  • รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์

"จึงได้มีการเจรจากับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ขอร้องให้ย้ายไปอีกห้อง ซึ่งอยู่ในแดนเดียวกัน ปรากฎว่าไม่เป็นผล จะเนื่องด้วยเหตุผลประการใดนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ในขณะเดียวกันกรมราชทัณฑ์ก็ระมัดระวัง เรื่องกระทบกระทั่ง เพราะเป็นกลุ่มบุคคลที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในสังคม" 

วีระกิตติ์ ระบุว่ากรมราชทัณฑ์ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด หากปล่อยให้เกิดการระบาดในเรือนจำเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์จราจล จึงขอความเป็นธรรมต่อกรมราชทัณฑ์ด้วย


"ถามว่าเป็นเรื่องที่แปลกไหมที่ตรวจโควิดในยามดึก ผมขอเรียนว่าไม่แปลกสำหรับกรมราชทัณฑ์ เพราะว่าแพทย์สามารถเข้าตรวจได้ตลอด และบริเวณนั้นโรงพยาบาลราชทัณฑ์ดูแลในพื้นที่ทั้ง 24 ชั่วโมง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะตรวจ"


เมื่อถามว่าผู้ต้องขังสามารถปฎิเสธการตรวจได้หรือไม่ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่าที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุุปฏิเสธการตรวจจากผู้ต้องขัง ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ปฏิเสธทีมงานแพทย์ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เข้าไปบังคับซึ่งอาจเกิดผลกระทบต่อกรมราชทัณฑ์ 

"ทางกลุ่มที่ดูแลอยู่เราได้เสียงยืนยันจากผู้ที่ไม่ยอมรับการตรวจ พูดชัดเจนว่าพรุ่งนี้มีเรื่องแน่ เราก็ไม่อยากให้เกิดประเด็นใดๆกับหน่วยงานราชการ เพราะเรามีหน้าที่ดูแลคนเหล่านี้ เยี่ยงพี่น้องประชาชน"