เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลโปแลนด์เริ่มบังคับใช้มาตรการงดเว้นภาษีเงินได้ฯ แก่คนวัยทำงานที่อายุไม่เกิน 26 ปี หวังดึงดูดใจคนรุ่นใหม่ประมาณ 2 ล้านคนในประเทศไม่ให้ 'สมองไหล' ไปทำงานต่างแดน แต่คนรุ่นใหม่อยากให้รัฐบาลสร้างโอกาสทางอาชีพที่หลากหลายกว่าเดิม โดยระบุว่า วิธีนี้จะดึงดูดใจมากกว่า
หนึ่งในมาตรการผ่อนผันด้านภาษีที่สำคัญของรัฐบาลโปแลนด์ในครั้งนี้ คือ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดาให้แก่คนหนุ่มสาววัยทำงานที่มีอายุไม่เกิน 26 ปี และมีรายได้ต่อปีก่อนหักภาษีไม่ถึง85,528ซวอตือ (85,528 ซวอตือ) หรือประมาณ 6.94 แสนบาท และคาดว่าจะมีผู้ที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ประมาณ 2 ล้านคนทั่วประเทศ โดยรายได้เฉลี่ยก่อนหักภาษีของชาวโปแลนด์ที่เพิ่งเริ่มทำงานจะอยู่ที่ประมาณ60,000ซวอตือ หรือประมาณ 487,000 บาท เท่านั้น
มาเตอุช มอราเวียตสกี นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ประเมินว่ามาตรการนี้จะจูงใจให้ประชากรวัยหนุ่มสาวในโปแลนด์หันมาทำงานที่ประเทศบ้านเกิดกันมากขึ้น แทนที่จะเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ เพราะนับตั้งแต่โปแลนด์เข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู เมื่อปี 2004 เป็นต้นมา ก็เกิดปัญหาสมองไหลอย่างต่อเนื่องจนขาดแคลนแรงงาน
ปัจจุบัน คนรุ่นใหม่ของโปแลนด์ประมาณ 1.7 ล้านคนทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ เพราะการงานมั่นคงกว่าและทำเงินได้มากกว่าการอยู่ในประเทศบ้านเกิด และส่วนใหญ่จะเลือกไปทำงานในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่เป็นสมาชิกอียู เพราะการเดินทางข้ามแดนเป็นไปอย่างสะดวกง่ายดาย ไม่ต้องขอวีซ่าหรือใบอนุญาตทำงาน
รัฐบาลโปแลนด์แถลงด้วยว่า มาตรการด้านภาษีรูปแบบใหม่นี้ จะบังคับใช้ควบคู่กับนโยบายสวัสดิการสังคมด้านอื่นๆ เช่น การให้เงินสนับสนุนกลุ่มประชากรที่มีครอบครัวแล้ว หรือเงินบำนาญเพิ่มเติมแก่คนวัยเกษียณ ซึ่งพรรคฝ่ายค้านวิจารณ์ว่า รัฐบาลพยายามออกนโยบายประชานิยมเพราะหวังคะแนนในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้
ส่วนชาวโปแลนด์ที่ทำงานอยู่ต่างประเทศก็มองว่า มาตรการงดเว้นภาษีเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่ยังไม่ดึงดูดใจมากพอ เพราะสิ่งที่คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ต้องการ คือ โอกาสทางอาชีพที่หลากหลาย รวมถึงประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้ในประเทศตัวเอง รัฐบาลจึงควรสนับสนุนให้เกิดการลงทุนและการจ้างงานในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงส่งเสริมให้เกิดกิจการใหม่ๆ เพื่อดึงดูดคนวัยหนุ่มสาวในระยะยาว รวมถึงพัฒนาระบบสวัสดิการและการคุ้มครองแรงงาน
อย่างไรก็ตาม การที่อังกฤษมีกำหนดเส้นตายที่จะต้องเสนอแผนดำเนินการถอนตัวออกจากอียู (เบร็กซิต) ในวันที่ 31 ต.ค.2562 อาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในกลุ่มประชากรโปแลนด์ที่ทำงานในอังกฤษ แต่ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าประชากรกลุ่มนี้จะกลับบ้านเกิดหรือหันไปทำงานที่ประเทศอื่นๆ แทน