ดิสนีย์ประกาศรายได้ครั้งแรกหลังควบรวมฟอกซ์ โดยทำกำไรต่อหุ้นไตรมาสล่าสุดดีเกินการคาดการณ์ของวอลสตรีต
ดิสนีย์ประกาศรายได้ครั้งแรก หลังปิดดีลซื้อกิจการภาพยนตร์และโทรทัศน์ของบริษัททเวนตีเฟิร์สต์ เซนจูรี ฟอกซ์ ซึ่งทำให้ฟอกซ์กลายเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ของดิสนีย์ ไม่ต่างจากพิกซาร์ อีเอสพีเอ็น และมาร์เวล โดยรายได้ไตรมาสล่าสุดของดิสนีย์อยู่ที่ 14,900 ล้านดอลลาร์ หรือ 474,000 ล้านบาท จากมูลค่าเพิ่มขึ้นหุ้นละ 1.61 ดอลลาร์ หรือ 51 บาท สูงกว่าที่นักวิเคราะห์วอลสตรีตคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่าจะเพิ่มขึ้นหุ้นละ 1.58 ดอลลาร์ หรือ 50 บาท รวมรายได้ประมาณการที่ 14,500 ล้านดอลลาร์ หรือ 461,000 ล้านบาท
สัญญาณที่ดีในครั้งนี้ทำให้ราคาหุ้นของดิสนีย์หลังปิดตลาดเมื่อกลางสัปดาห์อยู่ที่ 136 ดอลลาร์ หรือ 4,300 บาทต่อหุ้น ทำให้รายได้ต่อไตรมาสปรับตัวขึ้น 3 % และกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 13 % โดยมาจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดการณ์อย่างมากของอีเอสพีเอ็น และความนิยมในรีสอร์ตดัง ทั้งดิสนีย์เวิลด์และดิสนีย์แลนด์
รายได้จากผลประกอบการในส่วนดังกล่าวช่วยบรรเทาภาวะถดถอยในเซกเมนต์กิจการโทรทัศน์และภาพยนตร์ หลังช่อง ABC ซึ่งเป็นอีกธุรกิจภายใต้ดิสนีย์ มีจำนวนผู้ชมลดลง จนกระทบต่อรายได้จากการโฆษณา ขณะที่ รายได้ของ Captain Marvel ในไตรมาสล่าสุด แม้ที่ทำไปได้เกิน 1,200 ล้านดอลลาร์ หรือ 38,000 ล้านบาท ก็ไม่เทียบเท่ากับความสำเร็จของ Black Panther รวมกับ Star Wars: The Last Jedi จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของดิสนีย์ในปีนี้ไม่ได้อยู่ที่การควบรวมฟอกซ์เพียงอย่างเดียว เพราะบริษัทยังต้องเตรียมเปิดตัวบริการสตรีมมิง ดิสนีย์พลัส ที่เตรียมตัดราคารายเดือนเน็ตฟลิกซ์ในสหรัฐฯ ที่ 6.99 ดอลลาร์ หรือ 220 บาทต่อเดือน