ผลสำรวจจากแอปพลิเคชันการเงินชี้ว่า การปรับเพิ่มค่าบริการของสตรีมมิงดังอย่าง Netflix มีผลต่อการเป็นสมาชิกของผู้บริโภครายได้น้อย
เว็บไซต์ข่าวอุตสาหกรรมบันเทิง Variety ทำรายงานพิเศษ ระบุว่าจากผลสำรวจของแอปพลิเคชันการเงิน Earnin ชี้ว่า ผู้บริโภคกลุ่มที่มีรายได้น้อยเริ่มไม่สมัครสมาชิก Netflix แล้ว ขณะที่ บริการสตรีมมิงอื่น ๆ ยังคงมีสมาชิกใหม่เป็นผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าว เช่น YouTube และ Hulu ที่มีสมาชิกแบบจ่ายค่าบริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การชะลอตัวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่ Netflix ประกาศขึ้นราคาสมาชิกครั้งล่าสุด เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ค่าบริการรายเดือนแบบ HD เพิ่มจาก 9 ดอลลาร์ 99 เซ็นต์ หรือ 330 บาท เป็น 10 ดอลลาร์ 99 เซ็นต์ หรือ 360 บาท
ขณะที่ ค่าบริการรายเดือนแบบ Family Plan ซึ่งสมาชิกสามารถสตรีมได้มากถึง 4 ดีไวซ์ และรับชมภาพคมชัดระดับ 4K HDR ได้ เพิ่มจาก 11 ดอลลาร์ 99 เซ็นต์ หรือ 390 บาท เป็น 13 ดอลลาร์ 99 เซ็นต์ หรือ 460 บาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกันที่ตัวเลขราคาที่เพิ่มขึ้นแล้ว Netflix ไม่ได้ขึ้นราคาไปมากกว่า Hulu หรือ YouTube แต่อย่างใด และการเก็บข้อมูลของ Earnin ก็อิงจากข้อมูลในแอปพลิเคชันตนเองเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภครายได้น้อยทั้งหมดเสียทีเดียว แต่ข้อมูลนี้ก็ยังถือว่าน่าสนใจ และสะท้อนให้เห็นการขับเคี่ยวกันในตลาดสตรีมมิงได้ดี