รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 23 เมษายน 2563
นักวิเคราะห์ Talking Thailand ถามหน่วยความมั่นคงของรัฐบาล ที่ส่อขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่ออีก ทั้งที่เจตนาคุมโรคระบาด เน้นความมั่นคงทางสาธารณสุข แต่ทำเหมือนกลัวเด็กแว้น คนก๊งเหล้า ...หรือ กลัวม็อบ!!
ที่ทำเอา “อ.วิโรจน์” กลั้นขำไม่ไหว คือ ใช้โพล มาร่วมประกอบการพิจารณาต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แถม "คำผกา" ท้าหมอทวีศิลป์ลาออกถ้าอีก 7 วันไม่มีคนป่วยเพิ่ม
พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการ สมช. เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้เป็นเพียงการประชุมในระดับเจ้าหน้าที่ ซึ่งคาดว่าในวันจันทร์ที่ 27 เม.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะมีการเรียกประชุมร่วมกับ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. อีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะสรุปว่ามีความจำเป็นต้องประกาศต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปหรือไม่ ซึ่งหากที่ประชุมเห็นสมควรว่าต่ออายุออกไปจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อีกครั้งในวันอังคาร ที่ 28 เม.ย.นี้
หน่วยงานด้านความมั่นคง มองว่าสถานการณ์ยังไม่เรียบร้อยเท่าที่ควร จึงน่าจะต่อขยายออกไปอีก แต่จะเป็นระยะเวลาเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับฝ่ายการเมืองเป็นผู้ประเมิน ซึ่งจะมีการหารือร่วมกับสภาพัฒน์ฯ ในส่วนความพร้อมเพื่อเตรียมผ่อนปรนมาตรการต่อไป
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการพิจารณาผ่อนปรนข้อกำหนดและมาตรการต่างๆ นั้นในการประชุม ศบค.วันจันทร์ที่ 27 เม.ย.นี้ เช่นกัน ขณะเดียวกัน วันนี้ ยังได้เชิญภาคธุรกิจได้มาร่วมหารือและรับฟังความคิดเห็น เพื่อลงไปในรายละเอียดว่าถ้าหากมีการผ่อนปรนแล้วจะมีวิธีการอย่างไร ซึ่งเราจะต้องทำให้ระมัดระวังและรอบคอบมากที่สุด ส่วนจะมีการผ่อนปรนกิจกรรมใดบ้างนั้นคงต้องดูอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน
ทั้งนี้ รายงานข่าวจากที่ประชุม สมช.เปิดเผยว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงที่ดูแลและรับผิดชอบตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีความเห็นที่จะเสนอต่อนายกรัฐมนตรีให้มีการขยายเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีกหลังที่จะหมดอายุลงในวันที่ 30 เม.ย.นี้ เพราะจากการประเมินสถานการณ์รวมทั้งจากผลโพลที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่ผ่านมา ยังมีความเห็นว่าควรจะต้องต่ออายุต่อไปอีก เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยและเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนจะมีการขยายเวลาไปอีกเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีที่จะตัดสินใจ
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ชี้แจงข่าวลือว่าวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 จะมีการปลดล็อก 32 จังหวัด หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ยืนยันว่า ในตอนนี้ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจาก ศบค. ยังต้องรอข้อมูลสถานการณ์และมติ ครม. ก่อน เบื้องต้นคำสั่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน น่าจะปฏิบัติต่อไป แต่จะมีการผ่อนคลายในบางพื้นที่ / ส่วนข่าวลือที่มีการพูดถึงการปลดล็อกนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ข่าวจาก ศบค. น่าจะเป็นการคาดการณ์แนวทางมากกว่า ดังนั้นสำหรับการปลดล็อก ผ่อนคลาย ต้องรอข้อสรุปอีกครั้ง เพราะทาง ศบค. และ ครม. ยังไม่ได้มีการตัดสินใจ หรือมีข้อสรุปว่าจะคลายล็อกในพื้นที่ หรือ จังหวัดใด
ส่วนกรณีการเดินทางไป-มาระหว่างจังหวัดในแต่ละจังหวัด ก็ต้องดูว่าเราไปจังหวัดใด เพราะแต่ละพื้นที่มีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไปตามสถิติของผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ ดังนั้นควรเช็กกับทางคนในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ในจังหวัดก่อน เพื่อจะปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง ว่าเราต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วันหรือไม่
ขณะที่การปรับลดด่านนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้วิธีการให้สายตรวจในพื้นที่ชุมชนต่างๆ แทน และเฝ้าระวังจากเบาะแสของคนในชุมชนที่ช่วยแจ้งกันเข้ามา หากเป็นเคสทั่วไปก็จะตักเตือน แต่ถ้าเป็นเคส เช่น เล่นการพนัน ผิดกฏหมาย เรื่องนี้ต้องดำเนินคดี
ส่วนแนวทางในการรับมือการระบาดในระลอกใหม่นั้น หลังจากที่หลายคนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติกันมากขึ้น เมื่อหลายคนเห็นตัวเลขแล้วเบาใจ สบายใจ เลยคิดว่าจะผ่อนได้ ร่วมกับเหตุผลอื่นๆ ขอให้พี่น้องประชาชนจำไว้เสมอว่า การออกมาข้างนอกมีความเสี่ยงเสมอ ดังนั้น ต้องป้องกันตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ
ถ้าหากไม่มีเหตุจำเป็น ควรอยู่บ้าน เพราะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงติดเชื้อ ในช่วงแรกหลายคนให้ความร่วมมือกันดีมากๆ แต่ช่วงนี้หลายคนผ่อนลงมา ซึ่งผลของวันนี้ที่เราเริ่มปล่อยปะละเลย มันจะเป็นตัวเลขใหม่ใน 7 วันข้างหน้า ฉะนั้น ภาคประชาชนต้องป้องกันตัวเอง ใส่หน้ากากหน้า ล้างมือ
ขณะที่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 13 คน ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมรวมทั้งสิ้น 2,839 คน จำนวนผู้ที่หายป่วยแล้วรวมทั้งสิ้น 2,430 คน กลับบ้านเพิ่มขึ้นอีก 78 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน เป็นหญิงไทยวัย 78 ปี รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสม 50 คน โดยปัจจุบันยังมีผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ใน รพ.อีก 359 คน