รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 22 พฤษภาคม 2563
“อ.พิชญ์” ทึ่ง “คนไทย” อดทนเก่ง ทนกับ “ผู้นำหยาบคาย”มาได้ตั้งหลายปี หลังฟังคลิป “ประยุทธ์” ที่ทีมงานจัดมาในวาระครบ 6 ปี รัฐประหาร ที่ดูถูกผู้นำคนอื่น แต่สุดท้ายผ่านมา 6 ปี ประเทศไม่มีอะไรดีขึ้น แม้อาจจะดีในสายตาสลิ่ม! แต่แอดฯ อยากถามว่า...ผ่านมา 6 ปี ยังมี “สลิ่ม” หรือ “นกหวีด” ที่รัก “ประยุทธ์” มากขึ้น..มีไหม
เว็บไซต์ thaienquirer เผยแพร่บทสัมภาษณ์นักการเมือง นักกิจกรรม ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ในโอกาสครบรอบ 6 ปีการรัฐประหาร โดยหนึ่งในผู้ถูกสัมภาษณ์ คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยทางเว็บไซต์เผยแพร่คำสัมภาษณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นภาษาอังกฤษ ช่วงหนึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์ครบรอบ 6 ปี ที่ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ยึดอำนาจ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ เล่าเหตุการณ์ว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยให้ตนพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 7 พ.ค. หลังถูกถอดถอน ก็รู้ทันทีว่าสถานการณ์น่าจะนำไปสู่การยึดอำนาจอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ โดยคณะรัฐมนตรีได้แต่งตั้งรักษาการนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นคือ นายนิวัฒนธำรงค์ บุญทรงไพศาล
“ดิฉันไม่มีอำนาจไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากเฝ้าดูสถานการณ์ต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้น หลังจากถูกถอดถอนจากตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ทำการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ” นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าว
อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ ยังพูดถึงปัญหาการเมืองในปัจจุบ้น ระบุว่า “การปฎิรูปที่ทหารเป็นผู้นำทำการปฎิรูปนั้นไม่ได้ทำให้ประเทศดีขึ้น กลายเป็นว่าเราถอยหลัง โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ทหารบอกว่าการก่อการรัฐประหารเพื่อที่จะนำพาความสงบกลับประเทศ แต่มันเป็นความสงบที่ไม่ได้เชื่อมรอยร้าวของความแตกแยกเลย มันเป็นเพียงความสงบที่ถูกทำให้เกิดขึ้นและดำรงอยู่ด้วยการใช้กำลัง กติกาที่ใช้ปกครองประเทศนี้ยังคงอยู่ภายใต้ร่มเงาของคณะรัฐประหาร ฉันรู้สึกเสียใจสำหรับโอกาสที่หายไปของประเทศเรา”
ขณะที่วันนี้ (22 พ.ค. 63) พล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ศบค.และได้พิจารณาข้อเสนอของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ให้ขยายเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือนให้ครอบคลุมเดือนมิ.ย. ตามที่ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการ สมช. ในฐานะหัวหน้าสำนักงานประสานงานกลาง ศบค. เสนอ เพื่อเป็นเครื่องมือควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพก่อนการคลายล็อกระยะ 3 และ 4 โดยเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังมอบหมายให้ สมช.ไปพิจารณาปรับลดระยะเวลาเคอร์ฟิวในช่วงที่มีการผ่อนปรนมาตรการ ระยะที่ 3 ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยจะปรับเวลาจาก 23.00-04.00 น. เป็น 24.00 น-04.00 น. ซึ่ง สมช.จะไปพิจารณาในวันที่ 27 พ.ค.นี้
พร้อมกันนี้ยังมีข้อเสนอจากภาคเอกชนที่ต้องการให้ผ่อนปรนมาตรการมากขึ้นในระยะที่ 3 ซึ่งเตรียมพิจารณาทั้งเรื่องการเดินทางข้ามจังหวัด การท่องเที่ยวชุมชม การเปิดให้เข้าพักโรงแรมต่าง ๆ ได้ แต่จะเปิดให้บริการเฉพาะห้องพัก แต่ห้ามใช้สระน้ำ หรือจุดที่จะเป็นการรวมคน ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องทำให้เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียนไปพร้อมกันด้วย