ถือว่าเป็นประเด็นที่หลายคนจับตามองอย่างมาก สำหรับปัญหาการขาดแคลนประชากรวัยเด็กในเกาหลีใต้ โดยเฉพาะในโรงเรียนที่มีนักเรียนวัยเด็กเข้าเรียนน้อยมาก จนถึงขนาดในปัจจุบันอนุญาตให้ผู้สูงอายุเข้าเรียนพร้อมกับนักเรียนได้

เว็บไซต์นิวยอร์กไทมส์ ได้เล่าเรื่องราวของหญิงคนหนึ่ง ที่มีชื่อว่า ฮวาง วอล-กึม ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ของโรงเรียนมัธยมแทกู แต่เธอไม่ได้มีอายุ 7 ขวบเท่ากับเกณฑ์เด็กป.1 ทั่วไป แต่ว่ามีอายุ 70 ปี ซึ่งในทุกๆ เช้า เธอจะขึ้นรถรับส่งนักเรียนคันเดียวกับสมาชิกในครอบครัวของเธออีก 3 ซึ่งเป็นเด็กอนุบาล และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งเธอบอกว่าเด็กๆ ในโรงเรียนล้วนเป็นลูกหลานของเธอทั้งนั้น

คุณยายฮวางเป็นคนไม่รู้หนังสือมาตลอดทั้งชีวิต คุณยายบอกว่า จำได้ว่าเคยแอบร้องไห้อยู่หลังต้นไม้ตอนที่เห็นเพื่อนๆ พากันวิ่งไปโรงเรียนเมื่อ 60 ปีก่อน ในขณะที่เด็กๆ ในหมู่บ้านคนอื่นๆ มีโอกาสได้เรียน เขียน และอ่าน ฮวางกลับต้องอยู่บ้านดูแลหมู และพอมีครอบครัวก็ต้องดูแลลูกๆ 6 คน จนทุกคนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาและมหาวิทยาลัย ซึ่งสิ่งที่เธอรู้สึกเป็นทุกข์มากที่สุดก็คือ การไม่มีโอกาสเขียนจดหมายถึงลูกๆ ของเธอ เพราะเธอเขียนหนังสือไม่ได้ ซึ่งการเขียนจดหมายแบบนี้เป็นสิ่งที่คุณยายฝันถึงมากที่สุด

และในที่สุดความฝันของคุณยายก็เป็นจริง เมื่อโรงเรียนในท้องที่ยื่นข้อเสนอสำหรับผู้สูงอายุ ให้สามารถเข้าไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนพร้อมกับเด็กๆ ได้ ซึ่งไม่ใช่เพราะแค่ให้โอกาส แต่โรงเรียนก็ต้องการความช่วยเหลือจากผู้สูงอายุเช่นกัน เพราะโรงเรียนในเกาหลีใต้ตอนนี้ประสบปัญหาขาดแคลนเด็กวัยเรียนอย่างหนัก จนต้องให้ผู้สูงวัยเข้ามาเติมเต็มจำนวนนักเรียนในชั้นเรียน

ปัญหานี้น่าสนใจอย่างมาก เพราะเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลมาจากการที่เกาหลีใต้มีอัตราการเกิดลดลงอย่างมากในช่วงสิบปีที่ผ่านมา โดยอัตราการเกิดลดลงเหลือต่ำกว่าเด็ก 1 คน ต่อแม่ 1 คน เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราที่ต่ำที่สุดในโลก และพื้นที่ที่ประสบปัญหารุนแรงที่สุดคือเขตชนบท ซึ่งมีเด็กเกิดน้อยมาก จนทำให้เด็กทารกกลายเป็นภาพที่แปลกตาไปแล้ว เนื่องจากคู่รักหนุ่มสาวอพยพเข้ามาในเมืองใหญ่เพื่อหางานทำที่ดีกว่า

ซึ่งโรงเรียนมัธยมแทกู ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกับโรงเรียนในชนบทอื่นๆ นั่นก็คือนักเรียนลดน้อยลง ซึ่งคุณยายฮวางบอกว่า ในตอนที่ลูกชายคนสุดท้องของเธอ ซึ่งตอนนี้อายุ 42 ปี เข้าเรียนเมื่อตอนปี 1980 ตอนนั้นมีนักเรียน 90 ในแต่ละระดับชั้น แต่ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งหมดเพียง 22 คนทั้งโรงเรียน ซึ่งชั้นที่น้อยที่สุดคือประถมที่ 4 และ 5 มีแค่ชั้นละ 1 คนเท่านั้น

ซึ่งในปีนี้ ต้องบอกว่าเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุด เพราะครูใหญ่ต้องไปออกหานักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ให้ได้ เพราะในปีการศึกษาหน้าจะไม่มีนักเรียนในชั้นนี้เลย ซึ่งถ้าหาไม่ได้ เท่ากับว่าโรงเรียนแห่งนี้อาจต้องปิดตัวลง ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่แค่โรงเรียนมัธยมแทกูเท่านั้น แต่อีกหลายโรงเรียนก็เผชิญปัญหานี้ 

ดังนั้นสิ่งที่ครูใหญ่ทำเพื่อให้โรงเรียนที่เปิดมา 96 ปีแห่งนี้ได้อยู่ต่อก็คือ การเปิดโอกาสให้ผู้สูงวัยมาลงทะเบียนเรียนได้ เพื่อจะได้อ่านออกเขียนได้ ดังนั้นเราจึงเห็นภาพคุณยายฮวางและผู้สูงอายุวัย 56-80 ปี ตัดสินใจใส่ชุดนักเรียนและเริ่มเรียนชั้นประถมศึกษาเมื่อเดือนที่แล้วจำนวนหนึ่ง

ซึ่งก็เป็นภาพที่มีความสุขไปกับคุณยายที่ได้เรียนหนังสือและทำความฝันให้เป็นจริง แต่ก็เห็นถึงปัญหาการขาดแคลนประชากรของเกาหลีใต้ที่รุนแรงอย่างมาก ซึ่งในอนาคตจะต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหานี้ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ก็พยายามมาเรื่อยๆ อย่างล่าสุดไม่กี่วันมานี้ ก็กำลังเตรียมพิจารณาร่างกฎหมายใหม่ ที่ให้นักศึกษาต่างชาติที่สำเร็จการศึกษาในเกาหลีใต้ สามารถแปลงสัญชาติมาเป็นพลเมืองเกาหลีใต้และทำงานในประเทศได้ เป็นต้น